top of page

โหราศาสตร์กับบันทึกประวัติศาสตร์

สมเด็จพระนารายณ์ จากภาพวาดของชางต่างชาติ

ผู้มีความรู้โหราศาสตร์อย่างแตกฉานในสมัยโบราณผู้คนให้ความเคารพนับถืออย่างยิ่ง ดังที่ข้าพเจ้าเคยเกริ่นเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่า ผู้ศึกษาโหราศาสตร์คือผู้รู้ ปราชญ์ ขุนนาง แม่ทัพ หรือแม้กระทั่งเจ้าเมือง กษัตริย์ ยังต้องศึกษาค้นคว้า และให้ความสำคัญอย่างสูง เพื่อใช้ในกิจการบ้านเมือง ดังในละคร "บุพเพวาสนา" ตัวละครนึงที่มีความโดดเด่น คือ "ออกญาพระโหราธิบดี" ผู้เป็นพ่อของหมื่นสุนทรเทวา พระเอกของเรื่อง

ตำแหน่ง "พระโหราธิบดี" เป็นบรรดาศักดิ์ที่ยิ่งใหญ่มาก หมายถึง "อธิบดีแห่งโหร" ที่แปลว่า "ผู้ปกครองและเป็นใหญ่แห่งโหรทั้งปวง" หรือถ้าให้เข้าใจง่ายๆก็คือ "โหรหลวงประจำราชสำนัก" นั่นเอง!!! ซึ่งถือเป็นตำแหน่งอันสูงสุดของผู้เป็นโหรทั้งหลาย ตำแหน่งนี้นอกจากจะเป็นผู้คอยทำนายเหตุการณ์ต่างๆที่สำคัญแล้ว ยังเป็นผู้ควบคุมและเป็นหัวหน้าในการประกอบพิธีกรรมเกี่ยวกับศาสนาและพราหมณ์อีกด้วย ซึ่งผู้ที่จะได้ตำแหน่งนี้ได้ มิใช่ง่ายๆ นอกจากการทำนายที่แม่นยำแล้ว ยังต้องรอบรู้สรรพวิชาอย่างเชี่ยวชาญ จึงได้รับการเคารพเชื่อถือจากผู้คนมากมาย ดังจะเห็นได้จากตอนหนึ่งที่ทำพิธี "กฤษณะกาลี" ในตอนต้นเรื่อง ไม่เพียงแต่คนในครอบครัวเท่านั้นที่กล่าวถึงพิธีกรรมนี้ แต่คนที่รับรู้ข่าวรเรื่องการทำพิธี ก็มีการพูดถึงในเชิงว่า ลองท่านออกญาฯ ได้ทำพิธีด้วยตนเองแล้วไซร้ ไฉนเลยคนที่โดนทำพิธีใส่จะรอดไปได้ จุดนี้เองเป็นสิ่งที่สะท้อนได้ว่า ท่านเป็นผู้ที่ทั่วทั้งพระนครให้ความเคารพและศรัทธาในวิชาของท่าน (แม้ว่ามนต์ "กฤษณะกาลี" จะไม่มีมีจริงก็ตาม)

แต่ในบันทึกประวัติศาสตร์จริงเคยมีการกล่าวถึงความแม่นยำในการทำนายของท่านเอาไว้ว่า เมื่อ พ.ศ.2186 ในรัชสมัยพระเจ้าปราสาททอง ขณะประทับ ณ พระที่นั่งจักรวรรดิ์ไพชยนต์ ได้มีหนูตัวหนึ่งตกลงมา ท่านก็ทรงเอาขันทองครอบไว้ แล้วเรียก ท่านโหราธิบดีเข้ามาทำนาย พระโหราธิบดีคำนวณแล้วก็ทำนายว่า เป็นสัตว์สี่เท้า ทรงมีพระราชดำรัสว่า ที่ทายว่าสัตว์สี่เท้านั้นถูก แต่ที่ทายว่ามีสี่ตัวนั้นผิด ครั้นเมื่อเปิดขันทองขึ้น ก็เห็นลูกหนูอีกสามตัวที่เพิ่งคลอดจากท้องแม่ คลานอยู่กับแม่รวมเป็นสี่ตัว ทรงตรัสสรรเสริญพระโหราธิบดีว่าทำนายได้แม่นยำดั่งตาเห็น ครั้นต่อมาคราวนี้ พระโหราธิบดีทายว่า จะมีเพลิงไหม้ในพระราชวัง ด้วยเหตุที่เคยทายจำนวนหนูได้อย่างแม่นยำ ครานี้จึงทรงไม่ไว้วางพระทัย ได้สั่งให้ข้าราชบริพารขนของสำคัญไปไว้ที่วัดไชยวัฒนาราม เกณฑ์ไพร่พลสามพันคนเตรียมตะกร้อน้ำไว้ดับไฟ อีกทั้งได้ห้ามมิให้หุงต้มในเขตพระราชวัง สั่งเพิ่มเรือตรวจการคอยสอดส่องบอกเหตุทุกโมงยาม ส่วนพระองค์ก็เสด็จประทับข้างนอกในช่วงเวลาดังกล่าว

พอเมื่อครบกำหนดสามวัน ก็ทรงเห็นว่าไม่มีเหตุเพลิงไหม้ดังที่ทำนาย จึงได้เสด็จลงเรือพระที่นั่งกลับ เมื่อมาถึงท่าน้ำ พระโหราธิบดี ซึ่งอยู่ท้ายเรือ ก็กราบทูลว่า ขอให้ย่ำฆ้องเสียก่อนเถิดจึงจะสิ้นพระเคราะห์ จึงให้ลอยเรือพระที่นั่งอยู่ก่อนยังไม่ขึ้นฝั่ง ต่อมาก็เกิดเหตุฟ้ามีเมฆครึ้ม และฝนตกพรำๆ เห็นดังนั้นก็ทรงตรัสว่า "ฝนตกเช่นนี้คงสิ้นเหตุแล้ว" พระโหราธิบดีกราบทูลว่า ให้รอไว้ก่อน ยังมิทันสิ้นคำก็ปรากฏอสนิบาต(ฟ้าผ่า) ลงมาที่เหมมหาปราสาท(หลังคาปราสาท) แล้วก็เกิดเพลิงไหม้ลุกลามขึ้นจริงดังคำทำนาย ภายหลังก็ทรงให้ทำนายต่ออีกว่า เพลิงไหม้ครั้งนี้จะเกิดเหตุดีหรือร้าย พระโหราธิบดีก็ทายว่า จะดี จะทรงพระอิสริยยศปรากฏพระบรมเดชานุภาพเป็นที่เกรงขามแก่อริราชไพรี

เหตุการณ์ที่เล่ามาทั้งสองนี้ มีบันทึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์จริง เป็นการยืนยันถึงความแม่นยำของโหรหลวงในสมัยโบราณ และเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า แม้จะเป็นถึงพระเจ้าแผ่นดิน ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในแผ่นดินอำนาจบารมีมากมายเพียงใด แต่เมื่อโหรหลวงทำนายหรือทักสิ่งใดไว้ หากไม่เป็นการดี หรือจะมีเหตุร้ายใดๆ ก็มิอาจะนิ่งนอนใจ ปล่อยผ่านเลย แต่กลับให้ความสำคัญอย่างมาก ออเจ้าทั้งหลาย... อาจจะมองว่าวิชาเหล่านี้งมงาย หาสาระมิได้ ไม่มีความเป็นวิทยาศาสตร์ บ้างก็เหมารวมโหราศาสตร์ กลายเป็นพวกเดียวกันกับไสยศาสตร์ไปเลยก็มี แท้จริงแล้ว... โหราศาสตร์มีมายาวนานเท่าที่มีบันทึกไว้ก็ตั้งแต่ 5,000 ปีมาแล้ว ตั้งแต่อริยกษัตริย์ฝูซี ผู้เป็นต้นกำเนิดของ "แผนภูมิปากว้า" ในวิชาฮวงจุ้ย และพัฒนาต่อเนื่องมาเป็น "แผนภูมิ 64 กว้า" ในยุุคสมัยเสินหนง และพัฒนาต่อเนื่องมาเป็น อี้จิง I-ching หรือโจวอี้ ในการเสี่ยงทาย และพัฒนาแตกแขนงออกไปได้อีกหลากหลายสายวิชาทั้งฮวงจุ้ย ดวงจีน แพทย์แผนจีน โหวงเฮ้ง ในที่สุด ขณะเดียวกันที่วิทยาศาสตร์ของทางตะวันตกเพิ่งมีความก้าวหน้าและกำเนิดมาได้เพียงไม่กี่ร้อยปีเท่านั้นเอง!!! และเหตุใดออเจ้าจึงเอาวิทยาศาสตร์ที่เพิ่งถือกำเนิดไม่นานไปเป็นตัวชี้วัดภูมิปัญญาโบราณที่มีการทดลอง วัดผล สรุปผล และวิเคราะห์อย่างเป็นระบบต่อเนื่องมาหลายพันปีว่าล้าสมัย ทั้งที่ควรจะมองว่า วิทยาศาสตร์ต่างหากที่ยังไปไม่ถึงองค์ความรู้ที่สูงส่งของภูมิปัญญาโบราณเหล่านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ ออเจ้าทั้งหลาย พึงควรศึกษา เรียนรู้ ภูมิปัญญาโบราณเหล่านี้ไว้บ้างเถิด อันจะเป็นผลดี สร้างคุณประโยชน์ต่อชีวิตของออเจ้า และคนรอบข้างอย่างมากมายมหาศาล อย่างน้อยก็ได้รู้ว่า... เมื่อใดควรรุก เมื่อใดควรสงบนิ่ง เมื่อใดภัยมาจงระวัง... เมื่อใดสิ้นเคราะห์จึงลุยเต็มที่!!!! แลออเจ้าเมื่อได้ศึกษาแล้ว สามารถนำมาใช้ส่งเสริมดวงชะตาให้มีความก้าวหน้ามากขึ้นๆยิ่งๆขึ้นไป ขอให้ออเจ้าทุกท่าน... มีความสุข ความเจริญเถิด ข้าพเจ้า เจ๋อหลาง

Single Post: Blog_Single_Post_Widget

Fengshui Articles & Contents 

บทความทั้งหมดนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ fengshuix หากท่านใดต้องการนำไปเผยแพร่ที่อื่น กรุณาติดต่ออย่างเป็นทางการก่อนนะครับ คุณสามารถเลือกหมวดหมู่ที่ต้องการ หรือกรอกข้อมูลที่ต้องการค้นหาในช่องด้านล่างได้เลยครับ

และพึงระลึกเสมอว่า บทความฮวงจุ้ย โหราศาสตร์ที่อยู่ใน Internet นั้น มีข้อจำกัดทางด้านภาษาและความเข้าใจของผู้อ่าน ดังนั้นข้าพเจ้าจึงเขียนบทความถ่ายทอดความรู้ได้เพียงระดับนึงเท่านั้น หากต้องการความรู้ เคล็ดลับ หรือเทคนิคขั้นสูงที่ซินแสร่ำเรียนศึกษา ท่านจำเป็นต้องติดต่อส่วนตัว หรือเข้ามาเรียนกับอาจารย์ด้วยตัวเองเท่านั้น และหวังว่าข้อมูลจะเป็นประโยชน์ต่อทุกท่านครับ

บทความอื่นๆล่าสุด

Tags

bottom of page