top of page

โลกกำลังจะเปลี่ยนสู่ฮวงจุ้ย ยุค 9 : Feng Shui Period 9


ฮวงจุ้ย ยุค 9 : Feng Shui Period 9

ฮวงจุ้ย ยุค 9 : Feng Shui Period 9 คืออะไร?

ทำไมใครๆถึงพูดถึงกันนัก วันนี้จะขออธิบายขยายความเกี่ยวกับฮวงจุ้ย ยุค 9 : Feng Shui Period 9 (ในแบบฉบับของผม) ในสายกลุ่มวิชาฮวงจุ้ยจะมีอยู่หลายสายด้วยกัน แต่จะมีอยู่สองสายหลักๆที่เรียกว่าได้รับความนิยม มีการสืบทอดวิชามาอย่างต่อเนื่อง มีหลักการที่เป็นที่ยอมรับและต่อยอดพัฒนาวิชาอยู่เรื่อยมา ตั้งแต่ปรมาจารย์รุ่นโบราณจนถึงยุคปัจจุบัน

กลุ่มแรก สายวิชาซาฮะ หรือซานเหอ ที่แปลว่า ตรงๆว่า "สามประสาน"

กลุ่มที่สอง

สายวิชา "ซานหยวน" หยวน แปลว่า "ยุค" ซานหยวนจงแปลว่า "สามยุค" ทั้งสองสายวิชานี้จะใช้หลักการประสานพลังชี่ Qi 3 ชนิด คือ ระหว่าง ฟ้า คน ดิน เป็นหลักในการคำนวณ เช่น

สายซานเหอ จะดูว่าถ้าคนเปิดปีกุน ควรเลี่ยงทิศหลังบ้านเป็นมะเส็ง(ปีชงของกุน)
คนต้องสัมพันธ์กับบ้านตามหลักปีเกิด ห้ามเป็นคู่ชงกับบ้าน นั่นหมายความว่า ทิศทางหลังพิงของบ้าน ก็จะมี นักษัตรทั้ง 12 ตัว กำกับอยู่ในทุกทิศ

ดังนั้น การที่ชี่ของบ้านกับคนอาศัย ไม่ใช่พลังงานที่ส่งเสริมกันแล้ว คนในบ้านอยู่นานไปก็เหมือนถูกชง ตลอดช่วงชีวิตที่อาศัยบ้านหลังนี้ เมื่อย้ายออกจึงไม่มีชง!!!


นี่เห็นไหม ที่เรากลัวปีชงๆๆเนี่ย จริงๆแล้ว ถ้าอยู่บ้านที่เป็นทิศชงเนี่ย วุ่นวายไม่จำกัดกาลเวลาอีกต่างหาก


พลังชี่ของบ้านเนี่ย เค้าก็เรียกว่า "ฮวงจุ้ย" Feng Shui เฟิงสุ่ย

"ฮวง" FENG จีนกลางอ่านว่า "เฟิง" ที่แปลว่า "ลม"

"จุ้ย" SHUI จีนกลางอ่านว่า "สุ่ย" แปลว่า "น้ำ"


นักพรตหรือ นักปราชญ์จีนโบราณเค้ามองว่า การที่คนอยู่อาศัยในธรรมชาติเนี่ย ต้องอยู่ให้ใช้ชีวิตสอดคล้องกับธรรมชาติ พลังชี่ของธรรมชาติเป็นเช่นไร ก็มีผลต้องชีวิตมนุษย์เช่นกัน


การปรับตัวเข้าสู่พลังธรรมชาติ จึงจะช่วยให้ชีวิตยืนยาวและมีความสุขอย่างสมดุล


ที่นี้...พลังชี่ มันมีอยู่ในทุกๆที่ในธรรมชาติ แต่พลังชี่จะถูกถ่ายเท และเปลี่ยนแปลง ต้องอาศัยการเคลื่อนของลม และการไหลของน้ำ การศึกษาผลกระทบของชีวิต เมื่อลมเคลื่อน และน้ำไหล จึงเป็นเหตุผลให้คนตั้งชื่อวิชานี้ว่า "เฟิงสุ่ย" หรือ "ฮวงจุ้ย" Feng Shui นั่นเอง!!! (วิเคราะห์ลม เฝ้าสังเกตน้ำ เพื่อค้นหาพลังชี่ที่ดีมาส่งเสริม)

เห็นไหมว่า... หลักคิดของนักปราชญ์โบราณ นี่เค้าล้ำลึกมากนะ เค้าไม่ได้ศึกษาอะไรผิวเผิน แต่วิวัฒนาการทางความรู้ของจีน มีการส่งต่อกันมาเป็นทอดๆ รุ่นสู่รุ่นแบบจำกัดเป็นสำนักๆ

มีการพัฒนาเพิ่มเติมวิชาให้ละเอียดแม่นยำมากขึ้นไปอีก จากปรมาจารย์รุ่นหลังๆ คนฝั่งตะวันออกมีหลักการคือ "ศึกษาธรรมชาติ... เพื่ออยู่กับธรรมชาติอย่างกลมกลืน"

ต่างจากหลักคิดของคนสมัยใหม่ ยุคฝั่งตะวันตกครอบงำ ที่คิดจะ "ศึกษาธรรมชาติ... เพื่อเอาชนะธรรมชาติ"


ดังนั้น "เฟิ่งสุ่ย" หรือ "ฮวงจุ้ย" FENGSHUI จึงเป็นหลักในการสรรหาทำเลที่ตั้งที่เหมาะสม เพื่อความเจริญรุ่งเรืองตามวิถีที่ธรรมชาติ สร้างสรรค์ให้ชีวิตเรานั่นเอง


ส่วนของฮวงจุ้ยเนี่ย เค้าเรียก "ชี่ดิน" เพราะบ้านตั้งอยู่บนดิน สัมผัสดิน ชี่จึงไหลจากดินเข้าสู่คน ผ่านตัวบ้าน


ส่วน"ชี่ฟ้า" หรือ "ชี่สวรรค์" "เทียนชี่" เอาไว้บอกกาลเวลาที่เหมาะสม ยกตัวอย่างง่ายๆที่เราคุ้นเคยกันดี อย่างปีชง เช่น ปี 2563 พลังชี่สวรรค์ ถือเป็นปีชวด ซึ่งชงมะเมีย


ดังนั้น พลังชี่คน คือ คนที่เกิดปีมะเมีย พลังชี่ดิน คือ บ้านที่หลังพิงมะเมีย(ทิศใต้) พลังชี่ทั้งสองอย่างจะสั่นคลอน และไม่สมดุล เกิดความผิดพลาด ไม่เสถียร ติดๆดับๆ ขึ้นๆลง ดีๆร้ายๆ (ค่อนไปทางร้ายและวุ่นวายมากกว่า)

ตรงนี้แหล่ะ ทำให้ซินแสที่ศึกษาวิชาเหล่านี้ จึงสามารถคำนวณเหตุการณ์ล่วงหน้าได้ ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้างในบ้านหลังนี้ในปีไหน และเกิดเหตุกับใครในบ้าน


จะเห็นได้ว่าการคำนวณในสายวิชาเหล่านี้ มีที่มาที่ไป เป็นหลักทางการคำนวนธรรมชาติทั้งสิ้น ไม่มีเรื่องของการสวดมนต์ ภาวนา หรือสะเดาะเคราะห์ใดๆ แตกต่างจากสายวิชาทางไสยศาสตร์ หรือวิชาที่ขึ้นอยู่กับทางความเชื่อนั้นๆ


ย้อนกลับมาดู สายวิชาฮวงจุ้ยอีกสาย กลุ่มสายวิชา "ซานหยวน" หรือ "สามยุค" เป็นกลุ่มวิชาฮวงจุ้ยที่แตกแขนงมาจาก วิชาพื้นฐานดั้งเดิมของสรรพสิ่ง นั่นก็คือ มีต้นกำเนิดมาจาก หลักวิชา "อี้จิง" "I-ching"


ถ้าเอาแบบที่เรารู้จักกันดีง่ายๆ อี้จิง i-ching ก็คือ เส้นขีดๆ ที่มีสองประเภท ดังนี้ ขีดเต็ม เราเรียกว่า... เส้นหยาง ขีดที่ขาดตรงกลาง เราเรียกว่า... เส้นหยิน


เป็นการวิเคราะห์กฏการเปลี่ยนแปลงของโลก และสรรพสิ่ง ผ่านกฏของ "อี้จิง"

"อี้จิง" คือ ปรัชญาที่กล่าวถึง กฏของการเปลี่ยนแปลง


กลุ่มซานหยวน หรือสามยุค จะมีการคำนวณพลังชี่ของบ้าน โดยเน้นไปที่ยุคกาลต่างๆของฮวงจุ้ย มีหลักอ้างอิงมาจาก การศึกษาผลกระทบของกลุ่มดาวเหนือ (กลุ่มดาวกระบวย) ที่มีทั้งหมด 9 ดวง


โดยแบ่งเป็น กลุ่มที่มองเห็นได้ดวยตาเปล่า 7 ดวง และกลุ่มที่มองไม่เห็นอีก 2 ดวง.

ฮวงจุ้ย ยุค 9 : Feng Shui Period 9 Stars

ปรมาจารย์โบราณเชื่อว่า อิทธิพลของดาวเหนือ ส่งผลโดยตรงกับชะตาชีวิตมนุษย์ โดยจะสลับกันส่งผลทีละดวงจาก 9 ดวง


ทำให้เกิดยุคในทางฮวงจุ้ยทั้ง 9 ยุค โดยแต่ละยุคจะมีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ตามคุณลักษณะของดาวแต่ละดวง


โดยการเปลี่ยนยุคจะแบ่งเป็นสองแบบ คือ แบ่งทุกๆ 20 ปี จึงจะเปลี่ยนยุคคราวนึง (ปัจจุบันเราอยู่ในยุค 8 เริ่มตั้งแต่ปี 2547-2567)

ฉะนั้นทุกๆ 20 ปี จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญของโลก ทั้งด้านระบบการค้า เศรษฐกิจ การเมือง และวิถีชีวิตของผู้คนที่เปลี่ยนไป

(แนะนำให้อ่านที่บทความข้างบนอีกทีครับ)


ต้องอ้างอิงก่อนว่า ฮวงจุ้ยในยุคแรกๆ ไม่มีเรื่องของการแบ่งยุค


จนมาถึงสมัยหลังๆ ที่ปรมาจารย์ฮวงจุ้ย

เฝ้าสังเกตการณ์ถึงความเปลี่ยนแปลงของผลลัพธ์ของบ้านที่จัดฮวงจุ้ยแล้ว


พบว่า บ้านที่เคยจัดฮวงจุ้ยดีเอาไว้ กลับไม่รุ่งเรืองเหมือนเดิม

ในขณะเดียวกัน บ้านบางหลังที่ฮวงจุ้ยไม่ดี กลับรุ่งเรืองมาในภายหลัง

เกิดเป็นข้อสังเกตและตั้งสมมติฐานว่า ต้องมีพลังงานบางอย่างเกิดการเปลี่ยนแปลง


ทีนี้ก็เริ่มเฝ้าสังเกตดวงดาวที่เปลี่ยนไป

(อ้างอิงจากวิชาดั้งเดิมของการอ่านชะตาเมือง หรือ คน คือการดูดาวบนท้องฟ้ามาประกอบ)


ดังนั้นเมื่อทำการสืบเสาะเทียบเคียงกับดาวบนท้องฟ้า และชะตาชีวิตของผู้คนแล้ว


จึงพบว่า

กลุ่มดาวที่ส่งอิทธิพลมากที่สุดคือ "กลุ่มดาวเหนือ"
และเป็นที่มาของการเฝ้าสังเกต พฤติกรรมของดวงดาวที่สว่างสดใสต่างกัน ในช่วงเวลาต่างกัน มีเหตุใดเกิดขึ้นที่สอดคล้องกัน และพบว่ามีความสอดคล้องกัน ของรอบการโคจรของดาวเสาร์ และดาวพฤหัส ที่จะมาเวียนบรรจบเจอกันในมุมต่างๆในรูปแบบต่างๆ ที่น่าสนใจในทุกๆ 20 ปี

ก่อเกิดที่มาของยุคนึงมีรอบเวลา 20 ปี

และถ้าหากวนกลับมารอบเดิมที่เหมือนกันเลย

จะวนมาที่เดิมๆซ้ำๆ ทุกๆ 180 ปี


ซึ่งก็สอดคล้องกับปฏิทินจนในปาจื่อ Bazi

ที่จะวนกลับมาเหมือนเดิมตั้งต้นใหม่ในทุกๆ 180 ปี ทั้งปีเดือนวันยาม


ดังนั้นรอบของการเปลี่ยนยุคในฝั่งซานเหอ จึงเริ่มต้นที่ปีไม้เจี่ย(ไม้หยาง)เสมอ

เช่น

รอบหน้าก็ปี 2567 ปีเจี่ยเฉิน (กะซิ้ง)

ถ้าเข้ายุค 1 ในปี 2587 ปีเจี่ยจื่อ(กะจื้อ)


หรือถ้าย้อนหลัง

ตอนยุค8 ปี 2547 ปีเจี่ยเซิน(กะซิม)

ตอนยุค 7 ปี 2527 ปีเจี่ยจื่อ(กะจื้อ)

แล้วก็วนไปเรื่อยๆ


จะเห็นว่า ยุค 1 เริ่มที่ เจียจื่อ(กะจื้อ) เป็นวงรอบทางพลังงานใหญ่ และนี่คือ จุดเริ่มต้นของการเอาซานเหอมาเทียบกับยุค(หยวน)ที่เปลี่ยนไป ทำให้เกิดสำนักวิชาสายซานหยวนเกิดขึ้นในภายหลัง และสามารถตอบคำถามสายซานเหอได้ว่า ทำไมชะตาชีวิตของคนในบ้านหลังเดิม จึงเปลี่ยนไป เมื่อเวลาเปลี่ยน ยุคกาลเปลี่ยน

ดังนั้นในปัจจุบันถ้านับตามการเปลี่ยนแปลงยุค ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน


ปี 2563 นี้ ถือว่าอยู่ในช่วงปลายยุค 8 และจะเปลี่ยนเข้าสู่ยุค 9 ในต้นปี 2567


ส่วนการแบ่งยุคอีกแบบเป็นการนับตามอิทธิพลของเส้นกว้าอี้จิง ปัจจุบันเราย้ายเข้าสู่ยุค 9 แล้ว ตั้งแต่ปี 2560 ที่ผ่านมา


ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นสำนักใดก็ตาม นั่นหมายความว่า ในยุค 9 กำลังคืบคลานเข้ามา...อย่างน้อยก็อีก 4 ปี (เริ่มปี 2567-2586) ถือว่าจะเข้าสู่ยุค 9 อย่างสมบูรณ์แบบ

ทีนี้...ความหมายของดาวยุค 9 คืออะไร ผมแนะนำให้ย้อนกลับไปอ่านในลิงค์ที่แปะไว้ด้านบน ตรงอธิบายในส่วนของยุค 9 แต่จะสรุปสาระสำคัญๆให้ดังนี้

 

ฮวงจุ้ย ยุค 9 : Feng Shui Period 9 คือ ธาตุไฟ อัตลักษณ์ของธาตุไฟ คือ แสงสว่าง ความสว่างไสว ความร้อน ความรู้ใหม่ ความฉลาด ความกระจ่าง ตัวแทนของธาตุไฟ ยังหมายถึงสิ่งที่มองเห็น แต่สัมผัสจับต้องไม่ได้


หากเทียบเป็นสังคม และวิถีชีวิตของคน ก็หมายถึงชีวิตแบบออนไลน์ ไลฟ์สไตล์ที่พบปะเจอกันในโลกเสมือน (เห็นกันแต่ไม่ได้อยู่ตรงหน้าจริง จับต้องไม่ได้) การสื่อสารไร้สายที่ส่งภาพเสมือนจริง เจอกันทางไกลผ่านเครื่องมือที่ช่วยให้เราเข้าถึงทุกที่ได้

ถ้าพูดถึงในเรื่องของพลังงาน ก็หมายถึงพลังงานทางเลือกใหม่ ความรู้ใหม่ๆ

การใส่ใจในสิ่งที่จับต้องไม่ได้ เช่น ความรอบรู้ ความฉลาด ความกระจ่าง จิตใจ พลังจิต จิตวิญญาณ


การค้า ก็จะหมายถึง การค้าทางออนไลน์ e-commerce แบบเตรียมรูปแบบ

หรือรวมไปถึงอนาคตอาจจะเห็นทุกธุรกิจเข้าสู่การออนไลน์ทางไกล

อนาคตการไปพบหมอ อาจจะไม่ต้องไปที่คลินิคให้ตรวจโรค แค่เอาอุปกรณ์ขึ้นมาตรวจวัดชีพจร และส่งข้อมูลสุขภาพให้คุณหมอทางออนไลน์ หมอก็สามารถวินิจฉัยโรคได้เลย

รวมไปถึงการผ่าตัด อาจจะเป็นการผ่าตัดออนไลน์จากหมออีกซีกโลกนึงก็ได้ ซึ่งตอนนี้เริ่มมีแล้ว แต่ยังไม่แพร่หลาย


ดังนั้นในฮวงจุ้ย ยุค 9 ที่กำลังคืบคลานเข้ามา เราจะเห็นได้ว่าหลายๆธุรกิจ และแนวคิดของคนเริ่มปรับตัวกันไปบ้างแล้ว.


ตอนนี้มีโรคโควิด19 เข้ามายิ่งกระตุ้นให้คนผันตัวเข้าสู่ยุค 9 ได้เร็วมากยิ่งขึ้น เพราะใครที่ปรับตัวทันจะเริ่มรู้แล้วอนาคตเชื้อโรคใหม่ๆอาจจะเกิดขึ้นได้อีก


การพบปะเจอตัวกันตัวเป็นๆ จึงถือเป็นความเสี่ยงต่อชีวิต ยังไม่นับในเรื่องของมลพิษทางอากาศ และประเด็นการรักษ์โลกอีกด้วย เพราะยิ่งทุกคนอยู่ในพื้นที่ของตน การเคลื่อนย้ายน้อยลง มลพิษทางอากาศก็น้อยลงด้วย


อนาคตเทรนด์การรักษ์โลกแบบ อยู่บ้านใครบ้านมัน อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีทางนึงเช่นกัน

ส่วนใครที่ยังไม่ปรับตัว ก็ยังอยู่ในยุค 8 ยุคเก่าต่อไป

เมื่อตกยุค... ความเสื่อมทั้งหลายก็ตามมา เหมือนคนที่คิดอะไรล้าหลังชาวบ้านไปหนึ่งก้าวเสมอ


บ้านที่มีพลังฮวงจุ้ยดี พร้อมรับพลังยุคหน้า ก็มีแนวโน้มว่าจะเจริญก้าวหน้าไปตามยุค


ซินแสที่ปรับฮวงจุ้ย ก็ต้องตรวจเช็คยุคของฮวงจุ้ย ให้บ้านรับพลังยุคปัจจุบันอยู่เสมอ ก็จะทำให้คนในบ้านคิดอะไรสอดคล้องกับพลังชี่ธรรมชาติที่เป็นปัจจุบันกาล


บ้านใดจัดบ้านรับยุค 9 ล่วงหน้า ก็มีแนวโน้มที่จะคิดอะไรล้ำหน้าเกินคนอื่นไปหนึ่งสเตป แต่ความสำเร็จอาจจะต้องรอหน่อย เพราะคิดล้ำหน้า... ไปอนาคต ก็ต้องรอให้เวลาในอนาคตมาถึง ผลลัพธ์จึงก่อเกิดสำเร็จดีเยี่ยม!


ดังนั้นวันนี้ลองถามตัวเองว่า วันนี้ เราใช้ชีวิต ปรับตัว ปรับความคิดของเรา ให้สอดคล้องรอรับกับการเปลี่ยนแปลงไว้แล้วหรือยัง?!?!

หากว่ายัง คุณต้องรีบแล้วละ... เพราะเมื่อเวลานั้นมาถึง... คุณอาจจะปรับตัวไม่ทัน!!!


สนใจสอบถามฮวงจุ้ยได้ทางหลังไมค์ครับ ยินดีดูดวง ดูฮวงจุ้ยเพื่อปรับรอรับฮวงจุ้ย ยุค 9 : Feng Shui Period 9 ครับ


ข้าพเจ้าเจ๋อหลาง

#ดูดวงจีน #ดูฮวงจุ้ย #ฮวงจุ้ยยุค9

Comments


Single Post: Blog_Single_Post_Widget

Fengshui Articles & Contents 

บทความทั้งหมดนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ fengshuix หากท่านใดต้องการนำไปเผยแพร่ที่อื่น กรุณาติดต่ออย่างเป็นทางการก่อนนะครับ คุณสามารถเลือกหมวดหมู่ที่ต้องการ หรือกรอกข้อมูลที่ต้องการค้นหาในช่องด้านล่างได้เลยครับ

และพึงระลึกเสมอว่า บทความฮวงจุ้ย โหราศาสตร์ที่อยู่ใน Internet นั้น มีข้อจำกัดทางด้านภาษาและความเข้าใจของผู้อ่าน ดังนั้นข้าพเจ้าจึงเขียนบทความถ่ายทอดความรู้ได้เพียงระดับนึงเท่านั้น หากต้องการความรู้ เคล็ดลับ หรือเทคนิคขั้นสูงที่ซินแสร่ำเรียนศึกษา ท่านจำเป็นต้องติดต่อส่วนตัว หรือเข้ามาเรียนกับอาจารย์ด้วยตัวเองเท่านั้น และหวังว่าข้อมูลจะเป็นประโยชน์ต่อทุกท่านครับ

บทความอื่นๆล่าสุด

Tags

bottom of page