เทศกาลไหว้พระจันทร์ หรือ เทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วง (อังกฤษ: Moon Festival[1], Mid-Autumn Festival; จีนตัวเต็ม: 中秋節; จีนตัวย่อ: 中秋节; พินอิน: zhōngqiū jié; เวียดนาม: Tết Trung Thu) เป็นเทศกาลตามวัฒนธรรมจีนที่มีขึ้นในกลางฤดูใบไม้ร่วง เพื่อเฉลิมฉลองการเก็บเกี่ยว จะมีขึ้นในคืนวันเพ็ญเดือน 8 ตามปฏิทินจันทรคติ (กันยายนตามปฏิทินสากล)
วันนี้จะขอหยิบยกเอาหนึ่งในเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับตำนานเทศกาลวันไหว้พระจันทร์ของคนจีนมาเล่าสู่กันฟัง....
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เมื่อสมัยที่โลกยังคง มีดวงอาทิตย์ สิบดวงล้อมรอบผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนให้แสงสว่างและความร้อน บนพื้นพิภพเต็มไปด้วยจอมยุทธ์ ผู้กล้า และผู้คนอาศัยอยู่กันอย่างสงบสุขจน ทำให้เป็นที่อิจฉาของเหล่าเซียนเทวดา พวกเซียน รู้สึกว่าผู้คนเริ่มไม่ให้ความเคารพนับถือพวกเขา
เขาจึงทำให้ดวงอาทิตย์ทั้งสิบดวงให้สาดส่องแสงอันแรงกล้าลงมายังพื้นโลกพร้อมกัน ทำให้โลกร้อนระอุเป็นเพลิง ส่วนที่เป็นน้ำก็เหือดแห้งไป ภูเขาถล่มแผ่นดินแยก ต้นไม้ใบหญ้าแห้งกรอบ ผู้คนไม่มีที่จะไปหลบซ่อนอาศัย
เหล่าเซียนและเทวดาหวังที่จะให้ผู้คน ร้องขอและกลับมาเกรงกลัวพวกเขาอีกครั้ง แต่แผนการก็ต้องล้มเหลวเมื่อมีชายหนุ่มนักแม่นธนูมีนามว่า "โฮ่วอี้" อาสาที่จะช่วยเหลือ โดยยิงธนูเพื่อดับดวงอาทิตย์
โฮวอี้ เขาเป็นผู้ที่มีฝีมือในการยิงธนูได้อย่างมหัศจรรย์มาก เขาได้ยิงธนูขึ้นสู่ฟ้า เพียงดอกเดียวก็ยิงถูกดวงอาทิตย์ตกลงมาถึงเก้าดวง เหลือดวงที่สิบไว้เพียงดวงเดียว เพื่อยังคงส่องแสงสว่างให้แก่โลก ทำให้พื้นพิภพกลับมาสงบสุขอีกครั้ง
ผู้คนต่างร่ำร้องสรรเสริญโฮ่วอี้ว่าเป็นวีรบุรุษและแต่งตั้งให้เขาเป็นฮ่องเต้ แต่ก็โชคร้ายเหลือเกินอาทิตย์ดวงที่เก้าที่ เขายิงตก เป็นราชบุตรขององค์เง็กเซียนฮ่องเต้
พระจักรพรรดิแห่งสวรรค์ ซึ่งทรงกริ้วและเสียพระทัยกับการสูญเสียราชบุตรสุดที่รักไป จึงสั่งให้นางกำนัลแห่งสวรรค์มีนามว่า "ฉางเอ๋อ" นำยาพิษไปให้ โฮ่วอี้
โดยให้หลอกว่าเป็นยาอายุวัฒนะหากกินก็จะทำให้สามารถมีชีวิตที่เป็นนิรันดร์
ฉางเอ๋อได้รับคำสั่ง จึงนำยาไปมอบให้แก่ โฮ่วอี้ แต่เมื่อนาง เห็นหน้าชายหนุ่มก็เกิดความรักและเห็นใจ
"โฮ่วอี้" ก็เช่นกันเมื่อได้เห็นความงามของ ฉางเอ๋อ ก็เกิด ความรักขึ้น แต่นางฉางเอ๋อก็คงส่งมอบยาให้แก่ โฮ่วอี้ ตามคำสั่งที่ได้รับมา
แต่บอกว่ายานี้ยังกินไม่ได้จนถึง วันที่ 15 ค่ำเดือนแปด
ด้วยความหวังว่านางอาจจะสามารถหาวิธีที่ทำ ให้เง็กเซียน ฮ่องเต้ทรงเปลี่ยนพระทัย หรือหาวิธีช่วยชีวิตชายคนรักได้
นางใช้ชีวิตอยู่กับโฮ่วอี้ ถึง 7 วัน จนเมื่อถึงวันที่ 15 ค่ำ เดือนแปด ตามที่นางได้กล่าวไว้กับ โฮ่วอี้ นางก็ยังคงไม่สามารถคิดหาวิธีช่วยชีวิตเขาได้
ดังนั้นในคืนวันที่ 15 ค่ำเดือนแปดก่อนที่ โฮ่วอี้ จะกินยาพิษ นางจึงตัดสินใจชิงกินยาพิษเม็ดนั้นมากินแทนสามีสุดที่รัก
แต่ยากลับไม่ได้ทำให้นางตาย ชั่วอึดใจนางก็รู้สึกว่าตัวของนางเบาและเริ่มล่องลอยขึ้นสู่ฟากฟ้าเบื้องบน ลอยสูงจนไปถึงดวงจันทร์
ด้วยความตื่นตระหนกนางเริ่มที่จะหายใจไม่ออก และเริ่มไอ ซึ่งทำให้ยาหลุดออกมาจากลำคอของนาง
เนื่องจากนางนั้นไม่สามารถบินได้อีกนาง จึงไม่สามารถลอยกลับลงมายังโลกได้จึงต้องใช้ชีวิตอยู่ในพระจันทร์นั้นเอง
จึงเกิดเป็นเทพธิดาแห่งดวงจันทร์ ที่ชื่อ "ฉางเอ๋อ" (嫦娥) ซึ่งเป็นหญิงคนรักของโฮวอี้
ตำนานนี้เป็นที่เล่าขานต่อๆ กันมาและนี่คือ เหตุผลว่าทำไมชาวจีนจึงนับถือนางในพระจันทร์ กราบไหว้เพื่อให้ความดี ความงามของนางได้สาด ส่องลงมายังโลกมนุษย์ ให้เกิดความสงบสุขไป ทั่วหล้า ทำให้มนุษย์ที่เป็นหญิงได้มีรูปโฉมที่งดงามเช่นนาง และขอให้ความดีงาม ของนางปกปักรักษา คุ้มครอง โลกมนุษย์ต่อไป
ในยุคของฮั่นเหวินตี้ (漢文帝) แห่งราชวงศ์ฮั่น ได้ทรงพระสุบินว่า พระองค์ลอยขึ้นไปเที่ยวชมพระราชวังบนดวงจันทร์ และได้พบกับฉางเอ๋อกำลังร่ายรำอยู่อย่างงดงาม ในสุบินนั้น พระองค์ทรงเพลิดเพลินและเกษมสำราญเป็นอย่างยิ่ง
กระทั่งเมื่อตื่นพระบรรทมและโปรดให้สุบินนั้นเป็นความจริง จึงมีรับสั่งให้นางสนมแต่งตัวและร่ายรำเลียนแบบเทพธิดาฉางเอ๋อที่พระองค์ได้พบเจอมา
จนแพร่หลายไปสู่ราษฎรและเป็นประเพณีมา
ซึ่งในอดีต ชาวจีนโดยเฉพาะหญิงสาวจะสวดขอพรจากฉางเอ๋อ เพื่อที่ขอให้มีความเยาว์วัยและงดงามตลอดไปดุจดั่งนาง
เนื่องจากตำนานเรื่องต่างๆที่เล่าขานเกี่ยวกับดวงจันทร์ทั้งหลายนี้ ดังนั้นนับแต่สมัยโบราณเป็นต้นมา ผู้คนก็จะมีประเพณีการชมและบูชาดวงจันทร์
จักรพรรดิถือความนิยมในการบูชาพระอาทิตย์ในฤดูใบไม้ผลิ และบูชาพระจันทร์ในฤดูใบไม้ร่วง ราษฎรก็มีประเพณีการบูชาพระจันทร์ในฤดูใบไม้ร่วงด้วยเช่นกัน
ในการบูชาพระจันทร์นั้น ตามปกติพิธีจะเริ่มหลังจากที่ดวงจันทร์ขึ้นแล้ว ธรรมเนียมการไหว้พระจันทร์ คนจีนนิยมจัดการไหว้ที่หน้าบ้าน
พิธีกรรมเริ่มต้นเมื่อผู้หญิงที่เป็นใหญ่ในบ้าน พาผู้หญิงสมาชิกยกของไหว้มายังซุ้ม ตั้งแต่เวลา 1 ทุ่มไปจนถึงเที่ยงคืน สมาชิกที่เข้าร่วมพิธีสวดขอพรจากเทพธิดาแห่งดวงจันทร์ หลังจากนี้อาจมีกิจกรรมรื่นเริงอื่นๆ เช่นเล่นผีกระเช้า โดยใช้เสื้อตัวใหญ่มาคลุมกระเช้าไว้ แล้วถามเรื่อง โชคลาภ สุขภาพ ความรัก จนกว่าพิธีจะสิ้นสุด
ในฐานะที่ขนมไหว้พระจันทร์เป็นสิ่งของสำคัญในการบูชาดวงจันทร์
หลังจากการบูชาจบลง คนทั้งบ้านก็จะแบ่งกันกิน
เนื่องจากขนมไหว้พระจันทร์เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงความกลมเกลียว
สะท้อนให้เห็นความหวังอันงดงามของผู้คนที่มีต่อชีวิตในอนาคตของพวกตน
ดังนั้นบางที่ก็จะเรียก ขนมไหว้พระจันทร์ว่า " ขนมแห่งความกลมเกลียว "
อ้างอิงที่มา https://www.noknoi.com/magazine/article.php?t=270
Commentaires