หากจะพูดถึงความใฝ่ฝันและปรารถนาของชีวิตมนุษย์โดยทั่วไปแล้ว
หนึ่งในความสมบูรณ์ของชีวิตคือการได้ครองคู่กับคนที่ดี
และมีชีวิตคู่ที่ราบรื่น ยาวนาน จนแก่เฒ่า
ในสมัยโบราณ "คลุมถุงชน" (Arranged marriage)
คำๆนี้มีความหมายถึงการที่บ่งบอกว่า
คนในสมัยโบราณมองเรื่องชีวิตคู่อย่างมีเหตุมีผล
มิใช่อาศัยเพียงความรัก ความใคร่ การหลงไหลชอบพอกันของหนุ่มสาวเท่านั้น
หากแต่คนโบราณเข้าใจดีว่า
ชีวิตคู่ และครอบครัวจะอยู่อย่างสงบสุข และราบรื่นได้นั้น
ต้องมีองค์ประกอบอย่างอื่นอีกมากมาย
"คลุมถุงชน" (Arranged marriage)
คำนี้เกิดมาจาก การชนไก่...
โดยสมัยก่อนการเอาไก่ไปบ่อนเพื่อไปชนนั้น
เขาจะเอาถุงคลุมไปแต่บ้านเพื่อกันไก่ตื่น
เมื่อถึงบ่อนก็เปิดถุงออกเอาไก่เปรียบแล้วชนกัน
แต่บางคนใจร้อน เห็นอีกฝ่ายอุ้มไก่มายังไม่ทันเปิดถุงออกเลย
ก็ท้าชนกันเสียแล้ว...
เมื่อตกลงกันเสร็จ ก็ค่อยเปิดถุงปล่อยเข้าสังเวียนชนกันเลย ไม่มีข้อแม้เล็ก-ใหญ่
ส่วนหนุ่ม-สาว ที่ไม่เคยรู้จัก ชอบพอกันมาก่อน...
พ่อ แม่ จัดให้อย่างไหน ก็ว่าตามอย่างนั้น
จึงเหมือนกับการชนไก่ลักษณะนี้
เขาจึงเรียกการแต่งงานแบบนี้ว่า 'คลุมถุงชน' นั่นเอง!
ภาพ Before The Wedding By Firs Sergeyevich Zhuravlev
ศิลปินรัสเซียในศตวรรษที่ 19 ซึ่งยังเป็นสมัยที่การคลุมถุงชนยังเป็นที่แพร่หลายในสังคมรัสเซีย
เราอาจจะมีความคิดเห็นจากคำว่า "คลุมถุงชน"
ในมุมมองที่เป็นการบีบบังคับ ไม่ได้มีความสมัครใจ หรือเต็มใจของหนุ่มสาว
ซึ่งค่อนข้างเป็นมุมมองในด้านลบ ที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นักในสายตาของคนรุ่นใหม่
แต่หากมองอีกมุม
เราจะเห็นถึงความปรารถนาดีของผู้ใหญ่ที่เข้าใจโลกดีว่า
ลำพังเพียงความรัก ความใคร่ อาจจะจืดจางลงได้สักวัน
แต่ความเข้าใจ และเข้ากันได้ของสองครอบครัวนั้นสำคัญยิ่งกว่า
ดังนั้น การแต่งงานจึงไม่ใช่เรื่องของหนุ่มสาวเพียงลำพัง
หากแต่เป็นเรื่องของสองครอบครัวต่างหาก
ที่ตกลงกันจะปรองดองเป็นครอบครัวเดียวกันในภายหน้า
การแต่งงานเพียงเพราะความรัก ความใคร่ และหลงไหลกัน
จึงถือเป็นความเห็นแก่ตัวของหนุ่มสาว
หากแต่ไม่ใช่การทำเพื่อครอบครัวที่ต้องรับผิดชอบอย่างแท้จริง
เพราะสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าคู่ครองตน ก็คือ บุพการีที่เลี้ยงดู
ดังนั้นในครอบครัวสมัยโบราณ
การแต่งงานจึงมีความสำคัญมาก
ตั้งแต่การเลือกคู่ครอง ที่เหมาะสมกับดวงชะตา
ดวงหญิงสาว ต้องส่งเสริมดวงผู้ชายที่จะมาเป็นสามี และส่งเสริมดวงครอบครัวฝ่ายชายด้วย
ดวงผู้ชาย ต้องเกื้อหนุน ให้ความรักและเมตตา ต่อหญิงสาวที่จะมาเป็นภรรยา
อีกทั้งฐานะก็ควรเหมาะสมกัน กล่าวคือ
เพื่อมิให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งรู้สึกถูกเอารัดเอาเปรียบมากเกินไป
เพราะคนโบราณยึดมั่นถือมั่นในเรื่องของครอบครัวมาก
คือ เมื่อเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ต้องช่วยเหลือกันอย่างสุดใจ
"ญาติพี่น้องแม้ไม่ได้พบหน้า 10 ปี เลือดยังไงก็ไม่มีวันจางหาย"
ดังนั้น การที่ครอบครัวมีฐานะแตกต่างกันมาก
ฝ่ายที่มีน้อย อาจะมาเบียดเบียนฝ่ายที่มีมากก็ได้
(ถ้าแต่งงานไปแล้ว ไม่ช่วยก็คงไม่ได้แล้ว เพราะถือว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน
หากไม่ช่วย ก็ถือว่าไร้คุณธรรม แล้งน้ำใจกับญาติพี่น้อง คนจีนถือว่า ร้ายแรงมาก)
การคัดเลือกคู่ครองในมุมมองของฐานะความเป็นอยู่ก็จึงเป็นอีกปัจจัยนึงที่นำมาพิจารณา
นอกจากฐานะจะทำให้เดือดร้อนแล้ว
การที่บางครอบครัวยากจน ก็ไม่ใช่เพราะเรื่องเงินๆทองๆเสมอไป
หากแต่เป็นเรื่องของทัศนคติ และมุมมองการใช้ชีวิตของครอบครัวนั้นๆด้วย
เคยได้ยินไหมว่า...
"คนจน...ที่คิดไม่เป็น... ให้เงินไปมากเท่าไหร่ก็จน..
คนรวย...ที่คิดเป็น... ถ้าวันนี้ไม่มีเงิน สักวันก็จะกลับมารวยอยู่ดี"
นี่แหล่ะจึงเป็นสิ่งที่ที่น่ากลัว สำหรับครอบครัวที่ร่ำรวยแล้ว
ย่อมกลัวว่า ครอบครัวอีกฝ่ายจะเป็นแบบไหน
การเลือกจากฐานะแม้ไม่ได้บอกว่า แท้จริงคิดเป็นหรือไม่เป็น
แต่อย่างน้อยการที่มีฐานะใกล้เคียงกัน ก็มีโอกาสเป็นไปได้ว่า
มีมุมมองแนวคิดคล้ายคลึงกัน ไม่ต่างกันมาก
จะเห็นว่า...คนโบราณนั้น
ให้ความสำคัญในภาพรวมทั้งครอบครัวมาก่อนหนุ่มสาว
(คงเข้าใจดีว่าฮอร์โมนหนุ่มสาวเป็นอย่างไร หากความรักความใคร่มากเกินไป
อาจจะนำมาซึ่งการตัดสินใจที่ผิดพลาดได้ง่าย)
ดังนั้น การเลือกคู่ จึงมักจะเป็นฝ่ายผู้ใหญ่จัดหาให้เอง
และช่วงเวลานี้แหล่ะที่จะต้องนำดวงชะตาของหนุ่มสาว
ไปปรึกษาซินแสอีกทีหนึ่ง
เพื่อดูว่าเหมาะสม ส่งเสริม กันหรือไม่?
หากผ่านในขั้นตอนนี้ไปได้ ก็หายห่วง
หากบางบ้านที่เคารพในหนุ่มสาว
ก็จะเป็นการนัดหมายให้ได้เจอกัน และเปิดโอกาสให้ทั้งคู่
ได้ลองทำความรู้จักกันมากขึ้น แล้วค่อยถามถึงความรู้สึก
หากหนุ่มสาวเห็นว่า ไปด้วยกันได้
ก็จะนัดหมายแต่งงานกันอีกที
แต่ก็อาจจะมีบางครอบครัวที่บังคับให้แต่งงานกัน
โดยหนุ่มสาวอาจจะไม่เคยเจอกันเลยด้วยซ้ำ
ทำให้อาจจะครองคู่อยู่กันได้ไม่ราบรื่น เพราะนิสัยแท้จริงนั้นต่างกันมาก
หลังจากที่ครอบครัวทั้งสองฝ่ายลงตัวแล้ว
หนุ่มสาวไม่ปฏิเสธต่อการแต่งงาน
การหาฤกษ์แต่งงานก็จะตามมา
เป็นหน้าที่ของซินแสที่จะต้องมาคำนวนฤกษ์แต่งให้เหมาะสม
คนสองคนมีพลังงาน(ชี่)ในตัวแต่ละคนไม่เหมือนกัน รวมไปถึงการเลี้ยงดู การใช้ชีวิตและมุมมองชีวิตด้วย
บางคนเด่นบางเรื่อง ขาดตกบางเรื่อง มีวิธีคิดอ่าน ตัดสินใจต่างกัน มุมมองบางเรื่องตรงกันและก็ต่างกัน
การตรวจดวงชะตาบ่าวสาว
ก็เพื่อหาความสัมพันธ์ของชี่ทั้งสองที่เชื่อมโยงกันได้,
ที่เติมเต็มกันได้(ไม่เหมือนกันแต่เติมเต็มกัน)
และที่ไม่สามารถเข้ากันได้(เลี่ยงการปะทะ)
เพราะเมื่อชายหญิงเป็นคู่ชีวิตกัน หยินหยางทั้งสองฝ่ายจะเชื่อมโยงกัน
ความใกล้ชิดทั้งกายและใจ จะทำให้หยินหยางของทั้งคู่เปลี่ยนไปได้
หากหยินหยางทั้งคู่รวมกันแล้วเกิดสมดุล ชีวิตคู่ก็จะมีแนวโน้มที่จะราบรื่น ยาวนาน
หากหยินหยางไม่สมดุล ไม่สอดคล้องกัน ชีวิตคู่ก็อาจจะมีปัญหาได้ง่าย
ฤกษ์ยามที่ใช้จึงมีความสำคัญ - เป็นวันเวลาที่เชื่อมโยงหยินหยางให้เหมาะสมแก่ดวงชะตาทั้งคู่ - แก้ไขหยินหยางที่ขาดหายไปของทั้งคู่ - ส่งเสริมหยินหยางที่ดีให้มากขึ้น - เลี่ยงผลกระทบกับครอบครัวทั้งสองฝ่าย
ฤกษ์แต่งงานที่แท้จริงคือ - ฤกษ์ที่จรดปากกา หรือป่าวประกาศอย่างเป็นทางการ - ฤกษ์เข้าห้องหอ(แท้จริงคือ ฤกษ์มีสัมพันธ์บ่าวสาว)
ฤกษ์จรดปากกา หรือป่าวประกาศ คือ วันเวลาที่ทั้งคู่แสดงเจตนาจำนงค์ ตั้งมั่นในใจแล้วว่าจะครองคู่กัน เป็นฤกษ์ที่มีผลทางด้านจิตใจของทั้งคู่ และทั้งสองครอบครัวมีใจเดียวกัน
ฤกษ์นี้ถือว่าสำคัญ อย่างมากทางด้านจิตใจ และความสัมพันธ์ของคนในสองครอบครัวให้ปรองดองรักใคร่กัน ไม่ใช่เพียงการป่าวประกาศของบ่าวสาว แต่เป็นการป่าวประกาศของ 2 ครอบครัว ที่จะกลายเป็นครอบครัวเดียวกัน
ฤกษ์เข้าห้องหอ คือ ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่บ่าวสาวจะได้ปรับเคมีสมดุลย์ ถ่ายเทหยินหยางในร่างกายของคนทั้งคู่เชื่อมเข้าหากัน
ฤกษ์นี้ถือว่าสำคัญในแง่ของคู่รักบ่าวสาว ทั้งทางด้านจิตใจและร่างกาย
จะช่วยปรับให้สองฝ่ายผสมผสานเป็นหนึ่งเดียวกัน มีความเข้าอกเข้าใจกันให้มากขึ้น
เมื่อทั้งสองฝ่ายเป็นหนึ่งใจเดียวกันแล้ว โอกาสเลิกรา หรือไม่เข้าใจกันก็น้อยลง
เพราะหากมีปัญหาใดๆเกิดขึ้น
ด้วยพลังใจของสองครอบครัวก็จะช่วยทำให้ร้ายกลายเป็นดี
หรือให้เรื่องร้ายแรงบรรเทาเบาบางลงได้
ดังนั้น ฤกษ์แต่งงานที่ดี จึงต้องคำนึงถึงทั้งสองอย่าง จะยึดเอาเพียงบ่าวสาวสองคนไม่ได้
ต้องอาศัยวันเดือนปีเกิดของพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายมาคำนวนด้วย
เพื่อให้ได้วันเวลาที่เหมาะสม เป็นวันที่ส่งเสริมให้เกิดเรื่องราวดีๆขึ้นในครอบครัวทั้งสองฝ่าย
เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข รักใคร่กลมเกลียว มีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน อันเป็นเครื่องหนุนนำให้ชีวิตคู่ยืนยาว และมั่นคงต่อไป
การคำนวนฤกษ์แต่งงาน
จึงจำเป็นต้องรู้ดวงชะตาของคนอย่างน้อย 6 คน
คือ พ่อแม่บ่าวสาว และคู่บ่าวสาว
โดยซินแสจะพิจารณาหาวันเวลาที่ทำให้ความสัมพันธ์เชื่อมโยงกันให้ได้
ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่จะหาจุดลงตัว
และบางครั้งซินแสอาจจะบอกว่าให้รอข้ามปีเลยก็มี
แต่ทั้งนี้ ฤกษ์แต่งงานที่ดี
ก็ไม่ใช่เครื่องการันตีได้ว่า
จะทำให้คู่บ่าวสาวจะครองรักกันยาวนานไม่เปลี่ยนแปลง
เพราะฤกษ์ยามก็เป็นเพียงองค์ประกอบนึงเท่านั้น
สิ่งที่สำคัญหลักๆที่จะทำให้ชีวิตคู่
อยู่ได้ยาวนานมั่นคงก็คือ
"ความรัก ความเข้าใจ และเป็นหนึ่งเดียวกันจริงๆของทั้งสองฝ่าย"
หากปราศจากสิ่งนี้แล้ว ต่อให้ได้ซินแสเทวดาให้ฤกษ์ยามดีแค่ไหนก็ตาม
ย่อมเลิกราได้ในที่สุด!
ข้าพเจ้าเจ๋อหลาง
#บริการหาฤกษ์แต่งงาน
#ฤกษ์แต่งงาน
#การแต่งงาน
#ฤกษ์แต่ง
Comments