top of page

เคล็ด(ไม่)ลับ: 4 องค์ประกอบสำคัญของการสวดมนต์และขอพรให้สมหวัง

สวัสดีครับทุกคน! . ช่วงนี้รู้สึกว่าชีวิตต้องการพลังงานดีๆ บ้างแล้วล่ะ . ผมเองก็เคยผ่านช่วงเวลาที่รู้สึกว่าทำอะไรก็ไม่สำเร็จสักที ขอพรยังไงก็ไม่เห็นจะสมหวังซักที . แถมบางทีก็ได้ยินคนรอบข้างบ่นว่า "ฉันขอพรมาตั้งนานแล้ว ทำไมยังไม่ได้สักที" หรือ "ทำบุญมาเยอะแล้ว แต่ชีวิตก็ไม่ดีขึ้น" . คุ้นๆ กันไหมครับ?


การสวดมนต์และขอพรให้สมหวัง
การสวดมนต์และขอพรให้สมหวัง

วันหนึ่งตอนที่ผมไปนั่งดื่มชาสมุนไพรในร้านเล็กๆ ริมคลองตอนฝนตก (บรรยากาศดีมาก ได้ฟังเสียงฝนตกกระทบน้ำ) ผมได้มานั่งคิดว่า... มันน่าจะมีอะไรบางอย่างที่คนส่วนใหญ่พลาดไป . บางทีการสวดมนต์ ขอพรนี่มันอาจจะมีเทคนิคก็ได้ . เหมือนทำอาหาร จะอร่อยก็ต้องครบสูตร ใส่ให้ครบทุกองค์ประกอบใช่ไหมล่ะ?


วันนี้เลยอยากมาแชร์ "สูตรลับ" 4 องค์ประกอบสำคัญของการสวดมนต์และขอพรที่จะทำให้คุณสมหวังง่ายขึ้น . จากประสบการณ์ส่วนตัว บวกกับความรู้ที่ไปเก็บมา ผมว่าเทคนิคนี้ไม่ใช่ไสยศาสตร์หรืองมงายนะ แต่มันคือวิทยาศาสตร์ทางจิตต่างหาก . เอาล่ะ มาดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง!


1. ขอขมาก่อนขอพร (จิตสำนึกเป็นพื้นฐานสำคัญ)


ก่อนจะไปขอใครให้อะไรเรา เราควรขอโทษในสิ่งที่เคยทำผิดพลาดไปก่อน . คิดดูง่ายๆ ถ้าคุณทะเลาะกับเพื่อนแล้วไม่ขอโทษ แต่ดันไปขอยืมเงินเขา 5,000 เขาจะให้มั้ยล่ะ? . โหยยย ไม่มีทางแน่นอน!


แม้แต่ตอนผมทะเลาะกับแฟนเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ผมก็ต้องขอโทษอย่างจริงจังและจริงใจเสียก่อน จึงจะขอกอดเขาได้ . การขอขมาก็เหมือนกัน มันเป็นการล้างพลังงานลบที่เราอาจจะสร้างไว้โดยไม่รู้ตัว


ทำยังไง?: หาบทสวดมนต์ที่เกี่ยวกับการขอขมาหรือขออโหสิกรรม แล้วสวดด้วยความรู้สึกสำนึกผิดจริงๆ . ไม่ใช่แค่ท่องๆ ไป แต่ต้องรู้สึกจากใจจริงด้วยนะ . ผมชอบสวดบทขอขมาพระรัตนตรัย แล้วรู้สึกเลยว่าใจมันเบาขึ้นเยอะ


2. แผ่เมตตาอย่าลืม (จิตเป็นผู้ให้พลังมาก)


ถ้าเราอยากได้อะไรสักอย่าง แต่ใจเรายังคิดแต่จะเอาๆ อย่างเดียว มันก็เหมือนเราเปิดแต่ช่องรับพลังงาน แต่ไม่ยอมเปิดช่องให้ . แบบนี้พลังงานมันไม่หมุนเวียนสิครับ . เหมือนคุณอยากให้คนโอนเงินเข้าบัญชี แต่คุณปิดบัญชีไว้ จะรับได้ยังไงล่ะ?


การแผ่เมตตาเป็นหนึ่งในพรหมวิหาร 4 (เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา) . มันทำให้จิตเราเป็นแบบพระพรหม มีความศักดิ์สิทธิ์ในตัวเอง . โคตรเจ๋งเลยนะเนี่ย ลองคิดดู เราแค่นั่งแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์มีความสุข จิตเราก็เริ่มมีพลังแล้ว!


ประสบการณ์ส่วนตัว: ช่วงที่ผมเครียดเรื่องงานอิสระ ผมลองนั่งแผ่เมตตาให้ลูกค้าที่จุกจิกเรื่องมาก (เออ ยากนะ แต่ทำได้) . พอทำบ่อยๆ ไม่รู้ทำไม ลูกค้าเริ่มใจเย็นขึ้น . การสื่อสารก็ราบรื่นขึ้น . อาจจะบังเอิญก็ได้ แต่ลองดูก็ไม่เสียหายนะ!


3. เบิกบุญเก่าเสริมพลัง (นึกถึงความดีที่เคยทำ)


เคยได้ยินไหมครับว่า "บุญเก่าหนุนนำ" . การขอพรแล้วระลึกถึงบุญกุศลที่เราเคยทำไว้ เป็นเหมือนการเบิกพลังงานบวกที่เราสะสมไว้มาใช้ . เหมือนคุณมีเงินในบัญชี แล้วเอามาใช้ยังไงล่ะ

ลองนึกถึงตอนที่คุณทำบุญใส่บาตร ช่วยเหลือคนอื่น หรือแม้แต่การเขียนบทความดีๆ แชร์ความรู้ให้คนอื่น . สิ่งเหล่านี้ล้วนสร้างพลังงานบวกสะสมไว้ . พอเราระลึกถึงมัน จิตก็จะเบิกบาน มีความสุข . แถมยังได้อนุโมทนาบุญจากสรรพสัตว์ ภูตผี วิญญาณ เทพเจ้าทั้งหลายด้วย!


เรื่องจริงจากตัวเอง: ตอนที่ผมต้องสอบสำคัญมากๆ ก่อนสอบผมนั่งนึกถึงตอนที่เคยช่วยสอนการบ้านให้เพื่อน ตอนที่เคยบริจาคหนังสือให้ห้องสมุด . แล้วตั้งจิตว่า "ขอให้ความดีที่เคยช่วยเหลือด้านการศึกษาทั้งหมด ส่งผลให้การสอบครั้งนี้ราบรื่น" . ผลออกมา... ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าผ่านฉลุย! (ความจริงก็อ่านหนังสือหนักมากด้วยนะ ไม่ใช่แค่นั่งขอ 555)


4. ขอให้ถูกวิธี (สำคัญมาก!)


นี่คือหัวใจหลักเลย! คนส่วนใหญ่มักจะขอพรแบบผิดๆ แล้วก็สงสัยว่าทำไมไม่สมหวักซักที .

ผมแบ่งเป็น 3 ข้อย่อยให้เข้าใจง่ายๆ:


4.1 ขอในสิ่งที่เป็นไปได้จริง (Manifest ให้เป็น)


การขอแบบ "ขอให้รวย 100 ล้านบาท" แบบนี้มันกว้างไป . คุณต้องเห็นภาพได้ว่ามันจะเป็นไปได้อย่างไร .

แทนที่จะขอแค่ "รวย" ลองขอแบบ "ขอให้ธุรกิจออนไลน์ที่กำลังทำอยู่เติบโต มีลูกค้าเพิ่มขึ้น 20% ใน 3 เดือนนี้" .

แบบนี้ชัดเจนกว่าเยอะ!


เคสจริง: เพื่อนผมอยากมีรถ แทนที่จะขอแค่ "ขอให้มีรถ" เขาขอแบบ "ขอให้ได้โบนัสพิเศษจากโปรเจคที่กำลังทำอยู่ แล้วเอาเงินก้อนนั้นไปดาวน์รถที่อยากได้" . เดาว่าจบยังไง? 3 เดือนต่อมาเขาก็ได้รถตามที่ขอเป๊ะ!


4.2 ขอด้วยจิตกุศล ไม่ใช่กิเลส (คิดถึงคนอื่นด้วย)


เวลาขอพรอย่าคิดถึงแต่ตัวเอง . การขอแบบ "ขอให้ฉันรวย ฉันสวย ฉันเก่ง" มันเป็นกิเลสล้วนๆ . ลองเปลี่ยนเป็น "ขอให้ฉันมีความรู้ความสามารถมากขึ้น เพื่อจะได้ช่วยเหลือคนอื่นได้มากขึ้น" . หรือ "ขอให้ธุรกิจเติบโตเพื่อจะได้จ้างงานคนในชุมชนเพิ่ม"

พลังงานในจักรวาลมันชอบการแลกเปลี่ยน . ถ้าคุณแค่อยากได้อย่างเดียว แต่ไม่คิดจะให้อะไรกลับคืน มันก็ไม่สมดุล . แม้แต่การแชร์บทความดีๆ หรือความรู้ดีๆให้คนอื่น ก็เป็นการส่งต่อพลังงานบวกแล้ว!


เรื่องฮาๆจากชีวิตจริง: ตอนผมขอให้ได้งานดีๆ ผมเคยขอแบบ "ขอให้ได้เงินเดือนเยอะๆ" อยู่นาน ไม่เห็นได้ซักที . พอเปลี่ยนเป็น "ขอให้ได้งานที่ใช้ความสามารถได้เต็มที่ และได้ช่วยทีมงานพัฒนาให้ดีขึ้น" . ปรากฏว่าได้งานที่ชอบ (แถมเงินเดือนดีกว่าที่คิดอีก!) . แม่งเหมือนจักรวาลมันรู้ใจจริงๆ!


4.3 ลงมือทำด้วย ไม่ใช่แค่ขอ (สำคัญที่สุด!)


จุดนี้คือ หัวใจหลักเลย! การขอที่ดีที่สุดคือขอในสิ่งที่คุณกำลังลงมือทำอยู่แล้ว .

ถ้าอยากรวย แต่ไม่ยอมทำงาน ไม่หาความรู้เพิ่ม จะรวยได้ยังไงละ?


ขอพรไม่ใช่การนั่งรอปาฏิหาริย์ แต่มันคือการขอพลังงานดีๆมาเสริมสิ่งที่เรากำลังทำอยู่! .

เหมือนคุณกำลังพายเรือไปแล้ว แล้วขอให้มีลมช่วยพัดเรือไปเร็วขึ้น . แต่ถ้าคุณไม่ยอมพายเลย จะไปถึงฝั่งได้ยังไง?


ประสบการณ์ส่วนตัวมาก: ผมเคยขอให้เขียนบทความได้ดีขึ้น แต่ก็ไม่ยอมฝึกเขียน ไม่ยอมอ่านเพิ่ม . ก็แน่นอน ไม่มีอะไรดีขึ้น! . พอเริ่มเขียนทุกวัน อ่านหนังสือเพิ่ม แล้วค่อยขอพรเสริม "ขอให้มีไอเดียดีๆ ขอให้เขียนได้ลื่นไหล" . อ้าว! งานเขียนก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ มีคนชมเยอะขึ้น . สุดยอดไปเลย!


5. การสร้างประโยคขอพรที่ทรงพลัง


ถ้าเอาทั้ง 4 ข้อมารวมกัน เราจะได้โครงสร้างประโยคขอพรที่ทรงพลังแบบนี้:


ขั้นที่ 1: ขอขมา"ขอขมาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย หากข้าพเจ้าได้ล่วงเกินโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ"

ขั้นที่ 2: แผ่เมตตา"ขอให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย จงมีความสุข ปราศจากทุกข์ ปราศจากภัย"

ขั้นที่ 3: เบิกบุญ"ด้วยบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้ทำมา ทั้งการช่วยเหลือผู้อื่น การแบ่งปันความรู้ การทำความดีทั้งหลาย"

ขั้นที่ 4: คำขอที่ถูกต้อง"ขอให้โครงการที่กำลังทำอยู่ประสบความสำเร็จ เพื่อจะได้ช่วยเหลือทีมงานและลูกค้าให้ได้รับประโยชน์ ข้าพเจ้าจะตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่"


เห็นไหมครับว่ามันชัดเจน มีพลัง และครบองค์ประกอบ!


6. ทำไมการขอพรแบบนี้ถึงได้ผล?


จริงๆ แล้วไม่ใช่เรื่องงมงายหรือไสยศาสตร์เลย . มันคือวิทยาศาสตร์ทางจิต! . เมื่อจิตของเราสงบ มีเมตตา มีความกตัญญู และมีความชัดเจนในเป้าหมาย . จิตก็จะส่งพลังงานออกไปดึงดูดสิ่งที่เราต้องการได้ดีขึ้น


นอกจากนี้ การตั้งจิตแบบนี้ยังทำให้สมองส่วน Reticular Activating System (RAS) ของเราทำงาน . ระบบนี้จะคอยกรองข้อมูลและโอกาสที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เราให้ความสำคัญ . ทำให้เราสังเกตเห็นโอกาสที่อาจจะมองข้ามไปถ้าไม่ได้ตั้งใจมองหา!


ตัวอย่างง่ายๆ: 

เหมือนตอนที่คุณอยากซื้อรถสีแดง อยู่ๆ ก็เห็นรถสีแดงเต็มถนนไปหมด! .

ไม่ใช่ว่ารถสีแดงเพิ่มขึ้น แต่สมองคุณเริ่มให้ความสำคัญกับมันมากขึ้นต่างหาก


สรุป: ขอพรเป็น ชีวิตเปลี่ยน!


เอาล่ะครับ! จากประสบการณ์ผม การขอพรที่มีประสิทธิภาพต้องครบทั้ง 4 องค์ประกอบนี้:


  1. ขอขมาก่อน ล้างพลังงานลบ

  2. แผ่เมตตา เปิดช่องพลังงานให้หมุนเวียน

  3. เบิกบุญ ระลึกถึงความดีที่เคยทำ

  4. ขอให้ถูกวิธี (เป็นไปได้จริง, มีจิตกุศล, ลงมือทำด้วย)


ทำตามนี้แล้ว ชีวิตจะเริ่มเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นแน่นอน! .


แต่อย่าลืมนะครับ... ถึงจะขอพรเก่งแค่ไหน แต่ถ้าไม่ลงมือทำก็เหมือนขอให้ชาสมุนไพรร้อนๆ บินมาเข้าปาก... มันไม่มีทางเกิดขึ้นหรอก (ยกเว้นคุณจะโชคดีมากๆ จนมีคนยื่นให้ถึงปาก แต่โอกาสน้อยมาก!)


ลองไปปฏิบัติดูนะครับ แล้วมาเล่าให้ฟังบ้างว่าชีวิตเปลี่ยนไปยังไงบ้าง! .

ลาก่อนครับ จะไปลองขอพรให้ฝนหยุดตกซะที จะได้ไปนั่งจิบชาสมุนไพรริมคลองต่อโดยไม่เปียก! 555

コメント


Single Post: Blog_Single_Post_Widget

Fengshui Articles & Contents 

บทความทั้งหมดนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ fengshuix หากท่านใดต้องการนำไปเผยแพร่ที่อื่น กรุณาติดต่ออย่างเป็นทางการก่อนนะครับ คุณสามารถเลือกหมวดหมู่ที่ต้องการ หรือกรอกข้อมูลที่ต้องการค้นหาในช่องด้านล่างได้เลยครับ

และพึงระลึกเสมอว่า บทความฮวงจุ้ย โหราศาสตร์ที่อยู่ใน Internet นั้น มีข้อจำกัดทางด้านภาษาและความเข้าใจของผู้อ่าน ดังนั้นข้าพเจ้าจึงเขียนบทความถ่ายทอดความรู้ได้เพียงระดับนึงเท่านั้น หากต้องการความรู้ เคล็ดลับ หรือเทคนิคขั้นสูงที่ซินแสร่ำเรียนศึกษา ท่านจำเป็นต้องติดต่อส่วนตัว หรือเข้ามาเรียนกับอาจารย์ด้วยตัวเองเท่านั้น และหวังว่าข้อมูลจะเป็นประโยชน์ต่อทุกท่านครับ

บทความอื่นๆล่าสุด

Tags

098-850-5900

Line ID: @fengshuiX 

กรุงเทพมหานคร  ประเทศไทย

เจ๋อหลางเซียนเซิง  อ.รวิ อัญญากาญจน์ (อ.แบ๊ท, โค้ชแบ๊ท)
Tianlang Ancient Wisdom Institute (สำนักภูมิปัญญาโบราณเทียนหลาง)
94 Soi Sukhumvit 23 (Prasarnmitr)  Klongtoey Nue, Watthana Bangkok 10110, Thailand

  • Facebook

©2018 by fengshuiX. Mr. Ravi Aunyakan

bottom of page