top of page

รีวิวทริปไหว้พระขอพรเขาไท่ซาน และถ้ำหลงเหมิน: พาเปิดมิติลับดึงปราณมังกร และหงส์ไฟแห่งยุค 9

อัปเดตเมื่อ 17 พ.ค.

พาเปิดมิติลับดึงปราณมังกร และหงส์ไฟแห่งยุค 9
พาเปิดมิติลับดึงปราณมังกร และหงส์ไฟแห่งยุค 9

วันนี้ขอเล่าประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟที่เพิ่งกลับมาแบบร้อนๆ กับทริปไหว้พระขอพรและดึงปราณพลังมังกร ณ เขาไท่ซาน ประเทศจีน, หอสักการะฟ้า เทียนถาน ที่ปักกิ่ง และถ้ำหลงเหมิน เมืองลั่วหยาง ทริปนี้เรียกได้ว่าโคตรปัง เหนื่อยสุดๆ แต่คุ้มมมมม 🔥



ที่มาที่ไปของทริปสุดพิเศษนี้

เริ่มจากปีที่แล้ว ผมมีโอกาสไปดึงปราณสัตว์เทพที่สุสานเจ้าเมืองระนอง ที่ขึ้นชื่อในทางฮวงจุ้ยว่าเป็นสถานที่ชั้นเลิศ ทำให้ตระกูล ณ ระนอง เจริญรุ่งเรืองมาหลายรุ่น ทั้งเกียรติยศ ชื่อเสียง และความมั่งคั่ง.


สุสานเจ้าเมืองระนอง
สุสานเจ้าเมืองระนอง

จากประสบการณ์นั้น ทำให้เกิดไอเดียว่า... "แค่ปราณสัตว์เทพของเจ้าเมืองระนองยังดีขนาดนี้ แล้วถ้าเราตามหาปราณสัตว์เทพของจักรพรรดิ์หรือฮ่องเต้จีนล่ะ? มันจะพลังใหญ่ระดับไหน?" 👑

เมื่อเราต้องการความยิ่งใหญ่ ก็ต้องไปที่สถานที่ที่องค์จักรพรรดิ์หรือฮ่องเต้ทรงใช้ทำพิธีไหว้ฟ้าดินมาหลายรุ่น หลายสมัย แน่นอนว่าต้องมีพลังสัตว์เทพมากกว่าเจ้าเมืองระนองแบบไม่ต้องสงสัย


และนี่คือจุดเริ่มต้นของการวางแผนทริปล่วงหน้า 1 ปีเต็มๆ!



พลังศักดิ์สิทธิ์จากแดนมังกร - ทำไมต้องเขาไท่ซาน?


ตอนแรกเรามุ่งหมายไปที่เทียนถาน (หอสักการะฟ้า) ที่ปักกิ่ง แต่พอศึกษาลึกลงไปกลับพบว่า เทียนถานนั้นเป็นเพียงการจำลองมาจากสถานที่จริง นั่นคือ ภูเขาไท่ซาน ที่เมืองไท่อัน มณฑลซานตง!


ทางขึ้นเขาไท่ซาน
ทางขึ้นเขาไท่ซาน

เขาไท่ซานนี้ไม่ธรรมดา เพราะได้รับการขนานนามว่าเป็น "ผู้นำแห่งห้าขุนเขา (五岳之首)" เป็นภูเขาลูกเดียวในประวัติศาสตร์จีนที่มีฮ่องเต้มาฝึกวิปัสนาที่นี่ และเป็นสถานที่ที่มีทั้งศาสนาพุทธและเต๋าอยู่ร่วมกัน.


คนจีนเขียนกลอนและบทกวีเกี่ยวกับเขาไท่ซานมากกว่า 1,000 บท! และที่สำคัญ มีฮ่องเต้ที่ยิ่งใหญ่ถึง 12 พระองค์มาบวงสรวงที่นี่ รวมทั้งฉินซีฮ่องเต้, ฮั่นอู่ตี้, คังซี และเฉียนหลง


ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานและความศักดิ์สิทธิ์ระดับนี้ ผมเลยตัดสินใจเพิ่มโปรแกรมขึ้นเขาไท่ซานเข้าไปในแพลนทันที! 🏔️



ความท้าทายแรกของทริป - เจอดีตั้งแต่วันแรก


เดิมทีแผนคือบินไปปักกิ่ง แล้วต่อรถไฟฟ้าความเร็วสูงไปเมืองไท่อัน เพื่อเตรียมขึ้นเขาไท่ซานในวันรุ่งขึ้น.


แต่ปัญหาที่คาดไม่ถึงก็เกิดขึ้น... แม้เราเผื่อเวลาถึง 2 ชั่วโมงครึ่งสำหรับการเปลี่ยนจากสนามบินไปสถานีรถไฟฟ้า แต่เรากลับไปช้า เพราะติดที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองที่มีหลายไฟลท์บินลงพร้อมกัน ทำให้พลาดรถไฟที่จองไว้ และยังไม่สามารถจองขบวนถัดไปได้เพราะที่นั่งเต็มหมด!


สุดท้ายต้องใช้เงินแก้ปัญหา เช่ารถบัสเหมาคันเดินทางในคืนนั้นเลย ท่ามกลางพายุฝนที่ตกตลอดทาง.


6 ชั่วโมงบนรถบัส ถึงที่พักประมาณตี 2 กว่าๆ เรียกว่าทุลักทุเลมาก! แต่โชคดีที่ทุกคนในทริปใจสู้ รู้ว่าเหนื่อย แต่ไม่ท้อ และพร้อมเผชิญชะตากรรมร่วมกัน 💪



พลังแห่งเขาไท่ซาน - ปราณมังกรมาเต็ม!


เช้าวันรุ่งขึ้นเราขึ้นเขาไท่ซานอย่างเบิกบาน. แม้จะเหนื่อยล้าจากการเดินทาง แต่ด้วยฝนที่ตกตลอดคืนทำให้อากาศเย็นสบาย ท้องฟ้าเปิดโล่ง สวยงาม ฝุ่นละอองหายไปหมด.



ทุกอย่างสดใสเหมือนฟ้าหลังฝน ความเหนื่อยยากเมื่อคืนที่ทุกคนฟันฝ่ามาเหมือนเป็นการเตือนว่า... "นี่คือทริปแห่งการเปลี่ยนแปลงชะตาที่แท้จริง การจะได้สิ่งที่ยิ่งใหญ่ ต้องมีการพิสูจน์ความตั้งใจอย่างแท้จริง"


เราเริ่มพิธีกรรมที่เขาไท่ซานด้วยการทำพิธีล้างเสนียด ขจัดพลังร้าย เพื่อเบิกฟ้า เปิดฤกษ์ ก่อนทำการขอพร.



ข้อสังเกต: ถ้าคนทั่วไปขอพรโดยไม่มีขั้นตอนนี้ การขอพรอาจถูกขัดขวาง และผลอาจน้อยลงได้. นักพรตทำพิธีให้พวกเราที่จุดสูงมากๆ เป็นจุดที่คนส่วนใหญ่ไม่เดินมาถึง ทำให้พิธีเป็นไปอย่างสงบ ไม่ถูกรบกวน.


(เกร็ดความรู้: เขาไท่ซานเป็นที่ที่ดังมากในหมู่คนจีน แต่คนไทยหรือคนต่างชาติแทบไม่รู้จักและไม่ค่อยมาเที่ยว. ทริปนี้เราแทบไม่เจอคนไทยหรือต่างชาติที่ไม่ใช่คนจีนเลย น่าจะเป็นกลุ่มเดียวที่เป็นต่างชาติที่มาเที่ยวที่นี่!)


หลังจากเสร็จพิธีล้างเสนียด เราไปขอพรองค์เง็กเซียนฮ่องเต้ที่จุดสูงสุดของเขา. จุดนี้เองที่ฮ่องเต้ทุกพระองค์มาเพราะถือว่าใกล้สวรรค์ที่สุด และเป็นที่ประทับขององค์เง็กเซียนฮ่องเต้และองค์ไฉ่ซิ้งเอี้ยะ ผู้ให้โชคลาภความมั่งคั่ง.




ป้ายจารึกจูหยวนจาง - จากยาจกสู่ฮ่องเต้


อีกจุดสำคัญที่เราไปคือ ป้ายจารึกของจูหยวนจาง ตามตำนานเล่าว่า เดิมทีจูหยวนจางเป็นเพียงขอทานธรรมดาที่แม้แต่เงินฝังศพพ่อแม่ยังไม่มี แต่กลับสามารถขึ้นมาเป็นฮ่องเต้ปฐมกษัตริย์ราชวงศ์หมิงได้! ประวัติของท่านนี่แหละที่เป็นแรงบันดาลใจสำหรับคนที่กำลังรู้สึกท้อ เพราะสอนว่าชีวิตคนเราเปลี่ยนแปลงได้จริงๆ


จูหยวนจางมีชีวิตที่น่าทึ่งมาก เกิดในครอบครัวยากจน ต้องบวชเป็นพระเพื่อเอาตัวรอด และผ่านความยากลำบากมากมาย ก่อนจะลุกขึ้นนำกองทัพโค่นราชวงศ์หยวนของชาวมองโกล และสถาปนาราชวงศ์หมิงในปี ค.ศ. 1368 ปกครองจีนด้วยความเฉลียวฉลาดและเด็ดขาด


มีเรื่องเล่าว่าจูหยวนจางเคยมาขอพรที่นี่ และได้เชื่อมโยงกับพลังมังกรบนเขาไท่ซาน ได้รับนิมิตจากอาม่าไท่ซาน (เทพที่อยู่บนเขา) ชี้ทางว่าทำอย่างไรจึงจะเป็นฮ่องเต้ได้.


ป้ายจารึกนี้สร้างขึ้นในสมัยจูหยวนจางหลังจากขึ้นครองบัลลังก์แล้ว. การขอพรที่นี่จึงเสมือนการขอให้ชีวิตยกระดับสู่ความยิ่งใหญ่ เพราะ "ขนาดยาจกยังกลายเป็นฮ่องเต้ได้ แล้วเราคนธรรมดาทำไมจะเปลี่ยนชะตาไม่ได้?"


นอกจากนี้ เรายังพบจุดสำคัญอีก 2 จุดที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่ามีพลังปราณฮ่องเต้สถิตอยู่ และเราได้พลังปราณมังกรจากที่นี่อีก. แต่เป็นจุดที่เฉพาะนักพรตที่สื่อสารได้เท่านั้นจึงจะรู้ และไม่ใช่จุดที่คนทั่วไปไหว้ขอพร (นี่คือความพิเศษของทริปที่เรามีนักพรตไปด้วย!)



เทียนถาน - หอสักการะฟ้าแห่งปักกิ่ง


หลังจากลงจากเขาไท่ซาน เรานอนที่พักบรรยากาศดี เงียบสงบ อากาศเย็นกำลังฟิน คืนนั้นเราสรุปและแบ่งปันความรู้เรื่องการขอพรและดึงปราณสัตว์เทพ รวมถึงวิธีเสริมดวงชะตาแบบต่างๆ.


วันรุ่งขึ้นเดินทางกลับปักกิ่งเพื่อไปไหว้เทียนถาน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราอยากมาประเทศจีน.


ที่นี่สวยงามมาก เหมาะแก่การถ่ายรูป มีคนใส่ชุดจีนให้เห็นเยอะ. และแน่นอนว่า เรามีพิธีและขั้นตอนการดึงปราณและขอพรที่นี่เช่นกัน.



ที่เทียนถาน มีคนได้ปราณแปลกๆ เช่น ปราณกระเรียน, ปราณระฆังทอง, ปราณมังกรองค์ชายสี่ ซึ่งปราณเหล่านี้ คนทั่วไปไม่ได้รับกัน นับเป็นโชคของลูกทริปมากๆ ที่ได้อะไรพิเศษกว่าทริปปกติ.


คืนนั้นเรานอนในเมืองใกล้เทียนถาน เรียกว่าเดินทางสะดวก. ช่วงค่ำไปเดินถนนคนเดินที่มีร้านช๊อปเล็กๆ และร้านอาหารตลอดทาง.


อ้า! เกือบลืมเล่า ผมที่กำลังลดน้ำหนักอยู่ มองหาน้ำเต้าหู้จะกิน แต่เกือบซื้อน้ำเต้าหู้เหม็นเข้าให้! โชคดีที่น้องไกด์เตือนไว้ก่อน ไม่งั้นคงได้อ้วกแน่ เพราะน้องบอกว่า "ตอนผมกินครั้งแรก คำเดียว ผมอ้วกเลย" 🤢



วัดลามะ - พระใหญ่และกวนอูประทานทรัพย์


เช้าวันรุ่งขึ้นเป็นโปรแกรมที่วัดลามะ หนึ่งในวัดที่มีชื่อเสียงมากของปักกิ่ง. ที่นี่เราดึงปราณองค์พระใหญ่ และได้ขอพรและดึงปราณจากองค์กวนอูประทานทรัพย์.


จุดสำคัญเหล่านี้ไม่ใช่จุดที่คนทั่วไปรู้! ก่อนหน้านี้ ผมกับนักพรตเคยสำรวจวัดลามะมาแล้วรอบหนึ่ง ทำให้รู้ว่าองค์ไหนประทานเรื่องอะไร ขอพรเรื่องอะไรได้บ้าง.


องค์กวนอูประทานทรัพย์นี้เป็นองค์เล็กๆ ที่จัดแสดงในนิทรรศการเท่านั้น หากไม่เคยฝึกปราณมาก่อนจะไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน!

จบลงเพียงเท่านี้สำหรับทริปแรก ปักกิ่ง-ไท่ซาน ถือว่าจบอย่างสมบูรณ์! 🎉



ตามล่าหาหงส์ไฟแห่งยุค 9 - ตามรอยพระนางบูเช็คเทียน


หลังจากนั้น คณะเราแบ่งเป็น 2 กลุ่ม: กลุ่มที่กลับในวันนั้นเลย และอีกกลุ่ม 14 คนที่จะไปต่อที่เมืองลั่วหยาง.


เบื้องหลังการไปลั่วหยางคือ ผมมีโจทย์ว่าต้องการตามหาปราณหงส์ไฟ ซึ่งเป็นปราณของยุค 9 ธาตุไฟ (พ.ศ. 2567-2586). ซึ่งปราณหงส์จะต้องอยู่กับผู้หญิงที่ยิ่งใหญ่เท่านั้น.

ในประวัติศาสตร์จีน มีผู้หญิงขึ้นปกครองประเทศและเป็นจักรพรรดิเพียงพระองค์เดียวคือ จักรพรรดินีบูเช็คเทียน. และที่ถ้ำหลงเหมินในเมืองลั่วหยาง พระนางเป็นผู้มีรับสั่งให้สร้าง!

ช่วงบ่ายเราเดินทางด้วยรถไฟฟ้าความเร็วสูงไปลั่วหยาง แต่เจอปัญหาเรื่องการลงชื่อและจัดตั๋ว ทำให้เกิดความวุ่นวายก่อนเดินทาง. เรียกว่าต้องวิ่งหน้าตั้งขึ้นรถไฟฟ้า แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี.


เราพักที่โฮมสเตย์เล็กๆ น่ารักในลั่วหยาง ห้องสะอาด ใหม่ ดูดีมาก. ที่พักห่างจากถนนคนเดินโบราณของเมืองลั่วหยางแค่ 80 เมตร เรียกว่าไม่ต้องกลัวอดตาย มีอาหารแน่นอน!




ถ้ำหลงเหมิน - ตามหาปราณหงส์ไฟของพระนางบูเช็คเทียน


วันรุ่งขึ้นเราไปถ้ำหลงเหมิน หรือ "ถ้ำประตูมังกร" สถานที่มรดกโลกจากยุคราชวงศ์ถัง ช่างแกะสลักหินเจาะเป็นถ้ำและแกะเป็นพระพุทธรูปและสิ่งศักดิ์สิทธิ์รวมกว่า 110,000 องค์! ขณะเดินชมผมอดทึ่งไม่ได้กับความยิ่งใหญ่ของสถานที่นี้ที่มีถ้ำมากกว่า 2,300 ถ้ำ และมีประวัติยาวนานตั้งแต่ศตวรรษที่ 5 สมัยราชวงศ์เว่ยเหนือ แต่มารุ่งเรืองสุดในสมัยของพระนางบูเช็คเทียน



ที่น่าทึ่งคือ พระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สุดในถ้ำฟงเซียนสูงถึง 17 เมตร มีข่าวลือว่าพระพักตร์ของพระพุทธรูปบางองค์แกะสลักให้คล้ายพระนางโดยตั้งใจ เป็นการผสมผสานอิทธิพลศิลปะจากอินเดีย เอเชียกลาง และจีนได้อย่างงดงาม


เราเดินสำรวจเกือบทั่วถ้ำและแทบไม่พบจุดที่มีปราณสำคัญๆ เพราะหินหน้าผาที่แกะสลักส่วนใหญ่ไม่มีพลังปราณแล้ว. ช่วงแรกผมแอบกังวลว่าจะเจอปราณที่ตั้งใจมาหาหรือไม่ เพราะเดินมาเกินครึ่งทางแล้วยังไม่พบ.

แต่แล้วเราก็มาเจอจุดปราณชีพจรของพระนางบูเช็คเทียนจริงๆ!

ที่นี่มีปราณหงส์ไฟยุค 9 ของพระนางจริงๆ และมีการทำพิธีศักดิ์สิทธิ์ที่นี่ในยุคของพระนาง. จุดชีพจรหงส์ไฟถูกซ่อนไว้ในที่ที่คนทั่วไปไม่รู้!


ความพิเศษของที่นี่คือการผสมผสานระหว่างพุทธศาสนาและความเชื่อเรื่องพลังงานจักรวาลแบบจีนโบราณที่ฝังลึกอยู่ในงานแกะสลัก หากมองด้วยตาธรรมดา ก็เห็นเพียงศิลปะอันงดงาม แต่สำหรับผู้ที่ฝึกปราณมาอย่างดี จะสัมผัสได้ถึงพลังงานที่หมุนเวียนอยู่ในแต่ละองค์พระพุทธรูป


และที่พิเศษสุดคือ... ที่นี่มีจุดชีพจรปราณมังกรอาจารย์เซียนที่ซ่อนแอบไว้ ไม่มีการบันทึกในประวัติศาสตร์. จุดนี้ลึกลับมาก และคนที่สามารถได้รับปราณมังกรของอาจารย์เซียนท่านนี้ในทริปมีแค่ 3 คนเท่านั้น!

ผมโชคดีมากที่ได้ปราณมังกรจากท่านอาจารย์เซียนเต๋าท่านนี้ด้วย (ภายหลังทราบว่าผมดึงปราณมังกรมาได้ถึง 5 ตัว!)


จากถ้ำหลงเหมิน ทุกคนมีความสุขมากเพราะได้รับปราณหงส์ไฟตามที่ตั้งใจ. เราต่อด้วยวัดม้าขาวในช่วงบ่าย ซึ่งเป็นวัดพุทธแห่งแรกของจีนที่สร้างขึ้นเมื่อ 2,000 ปีก่อน



วัดม้าขาว (ไป๋หม่าซื่อ) - จุดเริ่มต้นแห่งพุทธศาสนาในแผ่นดินมังกร


หลังจากถ้ำหลงเหมิน เราต่อกันที่วัดม้าขาว หรือ "ไป๋หม่าซื่อ" (白馬寺) สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีอายุเกือบ 2,000 ปี! รู้มั้ยว่านี่คือวัดพุทธแห่งแรกของจีนเลยนะ เรียกว่าเป็นประตูบานแรกที่พระพุทธศาสนาเข้าสู่แผ่นดินมังกร โคตรสำคัญต่อประวัติศาสตร์จีน!


ต้นกำเนิดของวัดนี้เริ่มจากความฝันศักดิ์สิทธิ์! ในปี ค.ศ. 66 จักรพรรดิมิ่งตี้แห่งราชวงศ์ฮั่นทรงสุบินเห็นบุรุษร่างทองเปล่งรัศมี (พระพุทธเจ้า!) เหาะมาจากทิศตะวันตก พระองค์ตื่นพระทัยจนส่งคณะทูต 18 คนเดินทางไปอินเดียตามหาที่มาของความฝัน

3 ปีต่อมา คณะทูตกลับมาพร้อมพระภิกษุอินเดีย 2 รูป คัมภีร์พุทธศาสนา และพระพุทธรูป โดยบรรทุกมาบนม้าสีขาว! จักรพรรดิปลื้มมาก จึงสร้างวัดในปี ค.ศ. 68 และพระราชทานนามว่า "วัดม้าขาว" เป็นเกียรติแก่ม้าที่นำพระธรรมมาสู่จีน ถือเป็นม้าขวัญชะตาบ้านเมืองเลยทีเดียว!


ความศักดิ์สิทธิ์ของวัดนี้มีมากมาย พระภิกษุทั้งสองท่านได้แปลคัมภีร์พุทธเป็นภาษาจีนครั้งแรกที่นี่ โดยเฉพาะพระสูตรพุทธวจนะ 42 บท ถือเป็นคัมภีร์แรกที่ทำให้ชาวจีนเข้าใจพุทธศาสนา! นี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้พุทธศาสนามหายานเบ่งบานในจีนตั้งแต่นั้นมา


ที่ยิ่งเพิ่มความศักดิ์สิทธิ์คือ วัดนี้เป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางของพระถังซำจั๋ง (หลวงจีนเหี้ยนจัง) ที่ออกแสวงบุญไปอินเดียในปี ค.ศ. 629 และกลับมาเป็นเจ้าอาวาสที่นี่ในปี ค.ศ. 645 ปัจจุบันอัฐิของท่านยังบรรจุอยู่ในเจดีย์ที่วัดนี้ด้วย! คนจีนมาไหว้กันไม่ขาดสาย

เดินในวัดนี้แล้วรู้สึกได้ถึงพลังศรัทธาที่สั่งสมมานับพันปี มีศิลาจารึกสมัยราชวงศ์ถัง รูปม้าหินทรายศักดิ์สิทธิ์ และเจดีย์ 13 ชั้นที่เชื่อกันว่าเก็บพลังงานแห่งปัญญาไว้มากมาย! ชาวพุทธจากทั่วโลกมากราบไหว้เพื่อขอพรให้เกิดปัญญาและเจริญในธรรม


ที่สำคัญสำหรับทริปเรา... ที่นี่เองที่เราได้ดึงปราณแห่งปัญญาจากพระมัญชุศรีโพธิสัตว์! พระมัญชุศรีถือเป็นพระโพธิสัตว์แห่งปัญญาที่ชาวจีนเคารพนับถือมากที่สุดองค์หนึ่งและยังได้ขอพรความสำเร็จจากลูกท้อสวรรค์ซึ่งเป็นผลไม้แห่งความเป็นอมตะในตำนานจีนอีกด้วย


และช่วงหัวค่ำ (ตามฤกษ์) เราไปดึงปราณขอพรหงส์ไฟจากพระนางอีกครั้ง.



เขาซงซาน - ความลับของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่รอการเปิดเผย


จากการไปดูพิพิธภัณฑ์ เราได้พบเบาะแสสำคัญเกี่ยวกับการขึ้นเขาไปกราบไหว้ขอพรฟ้าของพระนางบูเช็คเทียน และการฝังแผ่นทองคำจารึกไว้ที่ภูเขาลูกหนึ่ง. ทำให้เราต้องตามหาว่าภูเขาลูกนี้คือที่ไหนและจะเดินทางไปอย่างไร.

จำลองเขาซงซาน
จำลองเขาซงซาน

วันสุดท้าย ใจผมเต้นแรงมาก เมื่อผมกับนักพรตและลูกศิษย์บางส่วนจึงเปลี่ยนแผนไปสำรวจที่เขาซงซาน (ห่างจากเมืองลั่วหยาง 70-80 กม.) ภูเขาที่มีประวัติศาสตร์กว่า 2,000 ปี และเป็นดั่งเสาหลักแห่งอารยธรรมจีน เป็นที่ตั้งของวัดเส้าหลินอันโด่งดัง ต้นกำเนิดศิลปะการต่อสู้กังฟู และเป็นจุดกำเนิดสำคัญของลัทธิเต๋าและพุทธศาสนาในจีน


ที่เขาซงซาน เราพบร่องรอยที่คิดไว้จริงๆ! ด้านบนเขามีจุดที่พบแผ่นทองคำจารึกของพระนางบูเช็คเทียน และมีจุดที่พระนางใช้รายงานตัวต่อสวรรค์ ตามความเชื่อโบราณว่าฮ่องเต้คือ "บุตรแห่งสวรรค์" (天子 - เทียนจื่อ) ที่ต้องรายงานกิจการบ้านเมืองต่อสวรรค์บนยอดเขาศักดิ์สิทธิ์ พระนางบูเช็คเทียนในฐานะจักรพรรดินีองค์เดียวของจีนได้ใช้พื้นที่นี้แสดงถึงสิทธิอันชอบธรรมในการปกครองเช่นกัน

เขาซงซาน ในเดือน พ.ค.
เขาซงซาน ในเดือน พ.ค.

ตามตำราความเชื่อโบราณ... บริเวณนี้คือจุดชีพจรพลังงานที่เชื่อมต่อกับดวงดาวและจักรวาล เป็นที่ชุมนุมของพลังอันล้ำลึกที่ทำให้ผู้มาขอพรด้วยวิธีที่ถูกต้องสามารถเปลี่ยนชะตาชีวิตได้อย่างมหัศจรรย์!


แต่เนื่องจากเรามาถึงช่วงเย็นเกินไป ท้องฟ้าเริ่มมืดลง หมอกบางๆ เริ่มก่อตัวรอบยอดเขา ทำให้ไม่มีเวลาพอที่จะขึ้นเขาไปสำรวจถึงจุดนั้นได้. จึงได้แค่สำรวจวัดพุทธด้านล่างภูเขาเท่านั้น ซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 1,500 ปี และมีสถาปัตยกรรมล้ำค่าจากหลายราชวงศ์ ทั้งฮั่น ถัง และซ่ง


แต่แม้แค่มองด้วยสายตา ทำเลชัยภูมิของเขาซงซานก็เห็นได้ว่ามีจุดชีพจรที่ยอดเยี่ยมมาก ตามหลักฮวงจุ้ย ภูเขานี้มีลักษณะเหมือนมังกรที่ทอดตัวพร้อมเปล่งพลัง ซึ่งผู้รู้เชื่อว่าเป็นจุดรวมพลังที่สมบูรณ์แบบโดยธรรมชาติ ระหว่างเดินสำรวจรอบๆ เรายังได้เจอนักเรียนในพื้นที่ใส่ชุดพละมาโชว์กังฟูเส้าหลินให้ดูด้วย!


ขณะที่ดวงอาทิตย์ค่อยๆ ลับขอบฟ้า ผมมองขึ้นไปบนยอดเขาด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด... เหมือนมีเสียงกระซิบจากอดีตลอยมาตามสายลม บอกเล่าเรื่องราวลึกลับของจักรพรรดินีผู้ยิ่งใหญ่และพลังปราณอันทรงพลังที่ซ่อนอยู่... รอคอยผู้กล้าที่จะมาค้นพบ...


ที่สำคัญ เขาซงซานยังเป็น 1 ใน 5 ขุนเขาที่ยิ่งใหญ่และศักดิ์สิทธิ์ของจีน ที่ถือเป็นแกนหลักแห่งจักรวาลตามตำราจีนโบราณ:

  1. ไท่ซาน (泰山) - ตะวันออก สัญลักษณ์ของการเกิดและชีวิต

  2. หัวซาน (华山) - ตะวันตก แทนการเก็บเกี่ยวและความอุดมสมบูรณ์

  3. ซงซาน (嵩山) - กลาง เชื่อมโยงมนุษย์กับสวรรค์และโลก

  4. เหิงซาน (恒山) - เหนือ ควบคุมดวงวิญญาณและความอุดมสมบูรณ์

  5. เหิงซาน (衡山) - ใต้ ดูแลอายุขัยและมรณะ


มีคำกล่าวว่า... หากใครได้ไปครบทั้ง 5 ภูเขา อาจได้พลังปราณครบสมบูรณ์ที่เชื่อมโยงทุกทิศทางของจักรวาล เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต... ฟังแล้วผมรู้สึกเสียดายจนแทบจะปีนขึ้นเขาตอนกลางคืนเลยทีเดียว!

ดังนั้น ทริปหน้าจะต้องกลับมาที่ซงซานแน่นอน! แต่ต้องมาแต่เช้า พร้อมอุปกรณ์ครบ เพื่อไขความลับที่ยังซ่อนอยู่บนยอดเขา... ใครสนใจร่วมเดินทางไขปริศนาพลังมังกรบนเขาซงซาน ห้ามพลาดทริปหน้าเด็ดขาด! 💯✨



สรุปทริปสุดพิเศษ


ทริปนี้เราได้พลังปราณสำคัญๆหลายอย่างมาก ทั้งปราณมังกรจากเขาไท่ซาน ปราณหงส์ไฟจากถ้ำหลงเหมิน และความรู้เรื่องจุดชีพจรพลังปราณที่ซ่อนอยู่ในที่ที่คนทั่วไปไม่รู้.


แม้จะมีอุปสรรคระหว่างทาง ทั้งพลาดรถไฟ ฝนตก การเดินทางที่เหนื่อยล้า แต่ทุกคนในทริปมีความสุขมากเพราะได้รับสิ่งที่ตั้งใจมาหา. และที่สำคัญคือ เราได้เปิดประตูสู่โลกแห่งพลังงานโบราณที่ซ่อนอยู่ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของจีน ซึ่งมีประวัติศาสตร์และพลังที่สืบทอดกันมานับพันปี


คนจีนเชื่อกันว่าการได้ไปสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ครบทั้ง 5 ขุนเขา เปรียบเสมือนได้รับการคุ้มครองจากพลังทั้ง 5 ทิศของจักรวาล ซึ่งเป็นสิริมงคลสูงสุดในชีวิต ทริปนี้เราได้ไปแล้ว 2 แห่ง (ไท่ซานและซงซาน) ยังเหลืออีก 3 แห่งที่รอให้ไปค้นหา

ขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่า พลังปราณที่เราได้มาไม่ใช่เรื่องงมงาย แต่เป็นการเชื่อมโยงตัวเองกับพลังงานธรรมชาติ ตามหลักเต๋าและศาสตร์จีนโบราณที่เชื่อว่ามนุษย์เป็นส่วนหนึ่งของจักรวาล และสามารถปรับสมดุลชีวิตให้สอดคล้องกับกฎของธรรมชาติได้


สำหรับท่านที่พลาดทริปนี้ไป ไม่ต้องเสียใจนะครับ! เตรียมตัวจองทริปหน้าแต่เนิ่นๆได้เลย เพราะเราจะพาท่านไปไหว้ขอพรแบบเต็มที่ ได้พลังเต็มเหนี่ยว... และรับรองว่าทริปไหว้พระขอพรของเราไม่เหมือนใครแน่นอน!


แล้วพบกันทริปหน้านะครับ... เตรียมตัวมารับพลังปราณมังกรและหงส์ไฟให้พร้อม! เพราะยิ่งใกล้ยุค 9 ธาตุไฟ พลังพิเศษเหล่านี้จะยิ่งทวีความสำคัญ! ถึงเหนื่อยแต่คุ้มสุดๆ จนอยากจะบอกว่า... โคตรปังงงงงง! 🔥🔥🔥

Comments


Single Post: Blog_Single_Post_Widget

Fengshui Articles & Contents 

บทความทั้งหมดนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ fengshuix หากท่านใดต้องการนำไปเผยแพร่ที่อื่น กรุณาติดต่ออย่างเป็นทางการก่อนนะครับ คุณสามารถเลือกหมวดหมู่ที่ต้องการ หรือกรอกข้อมูลที่ต้องการค้นหาในช่องด้านล่างได้เลยครับ

และพึงระลึกเสมอว่า บทความฮวงจุ้ย โหราศาสตร์ที่อยู่ใน Internet นั้น มีข้อจำกัดทางด้านภาษาและความเข้าใจของผู้อ่าน ดังนั้นข้าพเจ้าจึงเขียนบทความถ่ายทอดความรู้ได้เพียงระดับนึงเท่านั้น หากต้องการความรู้ เคล็ดลับ หรือเทคนิคขั้นสูงที่ซินแสร่ำเรียนศึกษา ท่านจำเป็นต้องติดต่อส่วนตัว หรือเข้ามาเรียนกับอาจารย์ด้วยตัวเองเท่านั้น และหวังว่าข้อมูลจะเป็นประโยชน์ต่อทุกท่านครับ

บทความอื่นๆล่าสุด

Tags

098-850-5900

Line ID: @fengshuiX 

กรุงเทพมหานคร  ประเทศไทย

เจ๋อหลางเซียนเซิง  อ.รวิ อัญญากาญจน์ (อ.แบ๊ท, โค้ชแบ๊ท)
Tianlang Ancient Wisdom Institute (สำนักภูมิปัญญาโบราณเทียนหลาง)
94 Soi Sukhumvit 23 (Prasarnmitr)  Klongtoey Nue, Watthana Bangkok 10110, Thailand

  • Facebook

©2018 by fengshuiX. Mr. Ravi Aunyakan

bottom of page